ท่ามกลางความคุ้นชินที่ผู้คนมักมีต่อ “ลิง” ในพื้นที่ท่องเที่ยวและชุมชน ลิงถูกมองว่าเป็นสัตว์ที่อยู่ใกล้ชิดและเป็นมิตรกับมนุษย์ แต่ในอีกมุมหนึ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ ลิงกลับเป็น “รังโรคเงียบ” ที่สามารถแพร่เชื้อมาสู่คนได้โดยไม่ทันตั้งตัว โรคจากลิงจึงไม่เพียงเป็นเรื่องของสัตว์ป่า หากแต่เป็นปัญหาสาธารณสุขที่ใกล้ตัวและส่งผลโดยตรงต่อชีวิตของคนในสังคม
ด้วยความตระหนักถึงประเด็นสำคัญนี้ รศ.น.สพ.ดร.ณฐพล ภูมิพันธุ์ และ รศ.ดร.สุภาวดี ปิยะเต แห่งหน่วยวิจัยสุขภาพหนึ่งเดียว คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงได้ร่วมกันศึกษาวิจัย “โรคลิงสู่คน...ภัยเงียบจากป่าเมือง” เพื่อทำความเข้าใจโรคที่ซ่อนอยู่ในลิง วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับชุมชน และหาหนทางสร้างความตระหนักรู้เพื่อป้องกันและอยู่ร่วมกับสัตว์ป่าอย่างปลอดภัยและยั่งยืน



ภายใต้ร่มไม้ของวนอุทยานโกสัมพี จังหวัดมหาสารคาม ลิงแสมจำนวนมากดำรงชีวิตอย่างอิสระ เคียงข้างไปกับวิถีของชุมชนและนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมา น้อยคนนักที่จะตระหนักว่า “ลิง” ที่ดูเหมือนน่ารักและเป็นมิตรเหล่านี้ กำลังเป็น พาหะของโรคติดเชื้อ ที่สามารถแพร่สู่คนได้ และบางโรคอาจร้ายแรงถึงขั้นคร่าชีวิต



จุดเริ่มต้นของการวิจัย
หลังจากจบการศึกษาด้านสัตวแพทย์และกลับมาทำงานที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นักวิจัยได้เล็งเห็นว่า “ลิงแสม” เป็นสัตว์ป่าที่ใกล้ชิดกับผู้คนมากที่สุดในพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของวนอุทยานโกสัมพี การศึกษาสุขภาพของลิงจึงไม่ใช่เพียงการทำวิจัยด้านสัตวแพทย์ แต่ยังเป็นการดูแลสุขภาพของชุมชนควบคู่ไปด้วย
ความใกล้ชิดทางพันธุกรรมระหว่างลิงและมนุษย์เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลิงเป็น “แบบจำลอง” ที่น่าสนใจในการศึกษาการแพร่โรค เพราะเชื้อโรคหลายชนิดสามารถข้ามมาสู่คนได้ง่าย หากไม่มีมาตรการเฝ้าระวัง ความเสี่ยงนี้อาจกลายเป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อสังคมวงกว้าง



โรคที่ซ่อนอยู่ในร่างกายลิง
ตลอดระยะเวลาการวิจัย ทีมงานได้เก็บตัวอย่างเลือด น้ำลาย อุจจาระ และเนื้อเยื่อจากลิงแสมในพื้นที่ ผลปรากฏว่ามีการตรวจพบโรคและเชื้ออันตรายหลายชนิด ได้แก่
เลปโตสไปโรซิส (โรคฉี่หนู): พบว่ามีลิงติดเชื้อประมาณ 30% ของประชากรทั้งหมด
เชื้อดื้อยา: เช่น Staphylococcus aureus และ E. coli ซึ่งไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะทั่วไป
ไวรัส: ตรวจพบแอนติบอดีของไวรัสเดงกี (ไข้เลือดออก), ไวรัสตับอักเสบ และที่น่ากังวลที่สุดคือ Herpes B virus ซึ่งไม่ก่อโรคในลิง แต่สามารถคร่าชีวิตคนได้หากติดเชื้อ
พยาธิและปรสิต: ที่อาจเข้าสู่ร่างกายคนผ่านการเดินลุยน้ำ ดินชื้น หรืออาหารและน้ำที่ปนเปื้อน
สิ่งที่น่ากลัวคือ ลิงเหล่านี้มักไม่แสดงอาการเจ็บป่วยใด ๆ ทำให้ผู้คนที่สัมผัสใกล้ชิดไม่รู้ตัวว่าอาจอยู่ท่ามกลางแหล่งรังโรค



พฤติกรรมมนุษย์...ปัจจัยเสี่ยงที่ซ่อนอยู่
หนึ่งในปัญหาหลักที่ทีมวิจัยค้นพบ คือ พฤติกรรมการให้อาหารลิงของคน ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือชาวบ้านในพื้นที่ การให้อาหารทำให้ลิงเรียนรู้ว่าการหาอาหารจากคนง่ายกว่าการหากินเองในป่า เมื่อเคยได้รับอาหาร ลิงจะออกมาหาคนบ่อยขึ้น ไม่เกรงกลัว และบางครั้งถึงกับแย่งอาหารจากมือคนโดยตรงสิ่งนี้ทำให้โอกาสสัมผัสระหว่างคนกับลิงเพิ่มขึ้น นำไปสู่การแพร่โรคได้ง่ายขึ้น และยังทำให้ลิงเปลี่ยนพฤติกรรมจากสัตว์ป่าที่ควรอาศัยอยู่ในธรรมชาติ กลายเป็นสัตว์ที่พึ่งพิงคนมากขึ้น



การทำงานวิจัยท่ามกลางความท้าทาย
      การลงพื้นที่เก็บข้อมูลไม่ใช่เรื่องง่าย ทีมวิจัยต้องผ่านกระบวนการขออนุญาตจากกรมอุทยานฯ ซึ่งใช้เวลานานและเข้มงวด เพราะเป็นพื้นที่ป่าและเกี่ยวข้องกับสัตว์ป่าโดยตรง เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว การเก็บตัวอย่างก็ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เนื่องจากลิงมีจำนวนมากและพฤติกรรมคาดเดายาก
       อย่างไรก็ตาม ความพยายามนี้ไม่สูญเปล่า เพราะข้อมูลที่ได้กลายเป็นฐานความรู้สำคัญที่สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านสาธารณสุข และยังเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ที่สามารถใช้ต่อยอดสู่การวางมาตรการป้องกันโรคได้



การสร้างความเข้าใจกับชุมชน
ทีมวิจัยไม่ได้หยุดเพียงการทำงานในห้องแล็บ แต่ยังนำองค์ความรู้ลงสู่ชุมชน ผ่านกิจกรรมเวิร์กช็อปในโรงเรียนและการจัดบรรยายในพื้นที่ใกล้อุทยาน เช่น การสอนเด็ก ๆ ให้เข้าใจโรคจากลิง วิธีป้องกันตนเอง และการไม่ให้อาหารลิงโดยตรง
นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นและกรมอุทยานในการควบคุมประชากรลิง ผ่านการทำหมันลิงประจำปี และการตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคที่อาจเกิดขึ้น



แนวทางการเฝ้าระวังและอยู่ร่วมกัน
นักวิจัยเสนอแนวทางการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับลิงอย่างปลอดภัยว่า
ชุมชนต้องงดการให้อาหารลิง เพื่อลดการเปลี่ยนพฤติกรรมของสัตว์
ภาครัฐควรสนับสนุนการจัดการขยะและเศษอาหารรอบพื้นที่อุทยาน ไม่ให้เป็นแหล่งดึงดูดลิงออกมานอกป่า
สร้างความรู้ความเข้าใจผ่านการศึกษาในโรงเรียนและการรณรงค์ในชุมชน
พัฒนามาตรการตรวจสุขภาพลิงแบบไม่รบกวนสัตว์ เช่น การเก็บอุจจาระมาตรวจแทนการเจาะเลือด



ข้อฝากจากนักวิจัย
รศ.ดร.สุภาวดี ฝากว่า
“สุขอนามัยส่วนบุคคลเป็นเกราะป้องกันโรคที่สำคัญที่สุด ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์ ปรุงอาหารให้สุก และสวมรองเท้าเมื่อเดินในพื้นที่เสี่ยง”



ขณะที่ รศ.ดร.ณฐพล เน้นว่า
“เราไม่ควรมองลิงในแง่ลบ แต่มองว่าเป็นสัตว์ป่าที่เราต้องเรียนรู้วิธีอยู่ร่วมกัน การไม่ให้อาหาร ไม่สัมผัสใกล้ชิด และช่วยกันเผยแพร่ความรู้ในชุมชน คือทางออกที่จะทำให้ทั้งคนและลิงอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล”

ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
รศ.ดร.ณฐพล ภูมิพันธุ์ แห่งหน่วยวิจัยสุขภาพหนึ่งเดียว คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
เบอร์ 043 742823 / 722834

Author

ผู้เรียบเรียง : สินีนาฎ พรั่งพร้อมกุล
Email : [email protected]
หมายเลขติดต่อภายใน : 0-4375-4315 (ภายใน) 1722

ภาพประกอบบทความ

  :   ภาพถ่าย : คุณวีระชน ขุนนอก /กราฟิก:คุณปิยะฉัตร ธนภัทรธุวานันท์

Related Posts