การทอผ้าเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาที่สะท้อนอัตลักษณ์และวิถีชีวิตของชุมชนไทยมาอย่างยาวนาน แต่ในปัจจุบันการสืบทอดองค์ความรู้กลับเผชิญข้อจำกัด เนื่องจากกี่ทอผ้าแบบดั้งเดิมมีขนาดใหญ่ ใช้งานซับซ้อน และเข้าถึงได้ยาก โดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อาจไม่มีพื้นที่และเวลาเพียงพอ ด้วยโจทย์ความท้าทายนี้เอง อาจารย์สรัญญา ภักดีสุวรรณ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ออกแบบลวดลายผ้า ทอมือ โดย “กี่ทอผ้าขนาดพกพา” ขึ้นมา เพื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การทอผ้าง่ายขึ้น เรียนรู้ได้รวดเร็ว ต้นทุนไม่สูง และสามารถนำไปต่อยอดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบได้ นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของการผสานภูมิปัญญาดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรมสมัยใหม่อย่างลงตัว

นวัตกรรม “กี่ทอผ้าพกพา” เกิดจากแนวคิดในการอนุรักษ์และต่อยอดภูมิปัญญาการทอผ้าพื้นบ้านของไทย เพื่อลดข้อจำกัดของกี่ทอผ้าแบบดั้งเดิมที่มีขนาดใหญ่ เคลื่อนย้ายยาก และต้องใช้พื้นที่มาก อาจารย์สรัญญา ภักดีสุวรรณ จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงได้พัฒนาและออกแบบกี่ทอผ้ารูปแบบใหม่ให้มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย ต้นทุนไม่สูง และสามารถพกพาไปใช้ได้ทุกที่ ช่วยให้คนรุ่นใหม่ เยาวชน และผู้สนใจทั่วไปเข้าถึงการเรียนรู้และฝึกทอผ้าได้สะดวกมากขึ้น นอกจากจะช่วยสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ชุมชนสร้างรายได้เสริมและต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้จริง
ผลการพัฒนาพบว่ากี่ทอผ้าพกพาได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งชุมชน ผู้เรียน และหน่วยงานต่าง ๆ โดยสามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอน การทำกิจกรรมสร้างสรรค์ และการผลิตงานหัตถกรรมเบื้องต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ยังมีข้อจำกัดด้านวัสดุและขนาดฟืมที่ต้องปรับปรุง แต่ศักยภาพในการขยายผลยังสูงมาก โดยเฉพาะหากสามารถพัฒนากี่ให้ทอผ้าที่มีความกว้างและหลากหลายขึ้น จะช่วยเพิ่มคุณค่าและโอกาสทางการตลาดได้มากยิ่งขึ้น นวัตกรรมนี้จึงไม่เพียงเป็นเครื่องมือเชิงกายภาพ แต่ยังเป็นกลไกเชิงสังคมที่ช่วยอนุรักษ์ สร้างคุณค่าใหม่ และผลักดันภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ความร่วมสมัยและยั่งยืน
จุดเริ่มต้นของ “นวัตกรรมกี่ทอผ้าพกพา” มาจากอะไร
ความคิดนี้เริ่มจากโจทย์สำคัญของการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นค่ะ เดิมที “กี่ทอผ้า” ที่ชาวบ้านใช้มีขนาดใหญ่ เคลื่อนย้ายยาก ใช้พื้นที่มาก และมีราคาสูง ส่งผลให้คนรุ่นใหม่หรือผู้สนใจทั่วไปไม่สะดวกที่จะเรียนรู้หรือลงมือทอผ้าด้วยตนเอง ทำให้ภูมิปัญญาดั้งเดิมเสี่ยงที่จะค่อย ๆ หายไป การพัฒนากี่ทอผ้าพกพาจึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์นี้ โดยตั้งเป้าให้เป็นกี่ที่มีขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย ลงทุนไม่สูง และสามารถนำไปใช้ได้ทั้งเพื่อการเรียนรู้ การสาธิต และการผลิตจริงในระดับครัวเรือน ถือเป็นนวัตกรรมที่สร้างสะพานเชื่อมระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ให้ภูมิปัญญาผ้าทอยังคงสืบต่อได้อย่างยั่งยืน
กี่ทอผ้าพกพานี้แตกต่างจากกี่แบบดั้งเดิมอย่างไร
จุดเด่นที่สุดคือ ความคล่องตัวและความง่ายในการใช้งาน ค่ะ กี่ใหญ่แบบดั้งเดิมมักต้องใช้แรงงานหลายคนและใช้เวลานานในการทอ แต่กี่พกพาออกแบบให้เพียงคนเดียวก็สามารถใช้งานได้ และใช้เวลาไม่นานก็สามารถสร้างชิ้นงานได้สำเร็จ เช่น ผ้าพันคอหนึ่งผืนใช้เวลาประมาณ 1–2 วันเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก ไม่จำกัดว่าต้องตั้งอยู่ในพื้นที่กว้าง ๆ เท่านั้น นอกจากนี้ กี่ยังถูกออกแบบให้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือเยาวชนที่อยากทดลองฝึกทอผ้า โดยไม่ต้องลงทุนสูง ทำให้เป็นเครื่องมือการเรียนรู้และสร้างสรรค์ที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ากี่ทอผ้าแบบดั้งเดิมมาก
อะไรคือแรงบันดาลใจในการร่วมพัฒนานวัตกรรมนี้คะ
แรงบันดาลใจมาจากความตั้งใจที่จะพัฒนาภูมิปัญญาไทยให้ทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของสังคมโลกค่ะ โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดมหาสารคาม เรามองว่าการทำให้ผ้าทอท้องถิ่นก้าวสู่สากลต้องไม่ใช่เพียงเรื่อง “รูปแบบผลิตภัณฑ์” เท่านั้น แต่ต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนด้วย ดังนั้นเราจึงเลือกแนวทางการย้อมสีธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเสริมองค์ความรู้ด้านทฤษฎีสี การออกแบบลวดลาย และการคิดสร้างสรรค์ให้กับชุมชน เมื่อภูมิปัญญาดั้งเดิมได้ถูกเชื่อมโยงกับความรู้สมัยใหม่ จึงทำให้ผลงานทอผ้ามีเอกลักษณ์ที่ร่วมสมัย สามารถแข่งขันในตลาดได้ และยังคงรักษาเอกลักษณ์ท้องถิ่นไว้อย่างภาคภูมิ
กระบวนการอบรมชุมชนใช้เวลานานไหมคะ
กระบวนการใช้เวลาประมาณ 1 เดือนค่ะ เราออกแบบหลักสูตรการอบรมให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตชุมชน โดยจัดการเรียนการสอนในวันหยุด เพื่อไม่ให้กระทบกับงานประจำของชาวบ้าน ขั้นตอนเริ่มจากการสอนย้อมสีธรรมชาติ ซึ่งเป็นฐานรากสำคัญของการสร้างเอกลักษณ์ผ้าไทย ต่อด้วยการฝึกขึ้นกี่พกพาและทดลองทอลวดลายพื้นฐาน หลังจากนั้นผู้เข้าอบรมจะได้ทดลองสร้างลายที่หลากหลายขึ้นด้วยตนเอง บรรยากาศการอบรมเป็นกันเอง เน้นการลงมือทำจริง ทำให้ผู้เรียนมีทั้งความรู้สึกสนุกสนานและภาคภูมิใจที่สามารถทอผ้าได้ด้วยตนเอง
ระหว่างการพัฒนามีปัญหาอุปสรรคอะไรบ้างคะ
แน่นอนค่ะ ทุกนวัตกรรมย่อมมีข้อจำกัดในระยะเริ่มต้น สำหรับกี่พกพา ปัญหาสำคัญคือวัสดุที่ใช้ทำ เนื่องจากต้องการความเบาและเคลื่อนย้ายง่าย จึงเลือกใช้ไม้ในท้องถิ่น แต่ไม้บางชนิดไม่แข็งแรงพอ ทำให้ชำรุดง่าย ปัจจุบันจึงอยู่ในขั้นตอนการหาวัสดุใหม่ที่ทนทานขึ้น ส่วนอีกอุปสรรคคือเรื่อง “ขนาดฟืม” ซึ่งยังเล็ก จึงทอผ้าได้เพียงความกว้างประมาณผ้าพันคอ หากปรับปรุงขนาดฟืมและโครงสร้างให้ใหญ่ขึ้น ก็จะสามารถทอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้น เช่น ผ้าซิ่น เสื้อผ้า หรือกระเป๋า ซึ่งจะเปิดโอกาสทางการตลาดมากกว่าเดิม
เสียงสะท้อนจากชุมชนและผู้ใช้งานเป็นอย่างไรบ้างคะ
ชุมชนให้การตอบรับเป็นอย่างดีค่ะ หลายคนบอกว่ากี่พกพานี้ช่วยเปิดโลกใหม่ให้กับพวกเขา เพราะไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้เสริม แต่ยังทำให้การทอผ้าไม่ถูกจำกัดด้วยเวลาและสถานที่ ผู้หญิงในชุมชนสามารถนำกี่ไปตั้งที่บ้านเพื่อทอในเวลาว่าง เด็กและเยาวชนก็สามารถเรียนรู้การทอผ้าได้ง่ายขึ้น บางโรงเรียนและหน่วยงานยังนำไปใช้เป็นสื่อการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนาทักษะด้านศิลปะและสมาธิ เสียงสะท้อนเหล่านี้ยืนยันว่ากี่ทอผ้าพกพาไม่ได้เป็นเพียงนวัตกรรมทางกายภาพ แต่ยังเป็นนวัตกรรมทางสังคมที่สร้างคุณค่าใหม่ให้กับชุมชน
สุดท้ายนี้ อาจารย์อยากฝากอะไรถึงผู้สนใจนวัตกรรมนี้บ้างคะ
สิ่งที่อยากฝากคือ นวัตกรรมไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่หรือซับซ้อนเสมอไปค่ะ แต่อาจหมายถึงการปรับเปลี่ยนสิ่งที่มีอยู่ให้ใช้ได้จริง ตอบโจทย์สังคม และสร้างคุณค่าใหม่ กี่ทอผ้าพกพาเป็นตัวอย่างของการผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้ชุมชนสามารถรักษารากเหง้าไว้ พร้อมทั้งต่อยอดไปสู่ตลาดร่วมสมัย เป็นการอนุรักษ์ที่ไม่เพียงคงอยู่ แต่ยังมีชีวิตชีวาและสร้างอนาคตได้
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
อาจารย์สรัญญา ภักดีสุวรรณ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงได้ศึกษา คิดค้น และพัฒนานวัตกรรม