ปัญหามลพิษจากพลาสติกกำลังกลายเป็นประเด็นสิ่งแวดล้อมระดับโลก หนึ่งในรูปแบบที่น่ากังวลคือ “ไมโครพลาสติก” ซึ่งเป็นเศษพลาสติกขนาดเล็กที่สามารถปนเปื้อน และแพร่กระจายไปได้ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะในอากาศ น้ำ ดิน อาหารทะเล และแม้กระทั่งในร่างกายของมนุษย์ ล่าสุด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหาสารคามได้เผยผลการศึกษาอันน่าตกใจว่า พบไมโครพลาสติกปนเปื้อนใน มูลลิงแสมหางยาว ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ วนอุทยานโกสัมพี จังหวัดมหาสารคาม



ภายใต้การวิจัยของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพ็ญแข ธรรมเสนานุภาพ อาจารย์ประจำสาขาวิชาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ และทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยมีรศ.ดร.ธวัดชัย ธานีประธานหลักสูตร วท.บ. สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ รศ.น.สพ.ดร.ณฐพล ภูมิพันธุ์ อาจารย์กลามวิชาสัตวศาสตร์ วิจัยและสัตวแพทย์สาธารณสุข คณะวัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งมุ่งเน้นการตรวจสอบ และวิเคราะห์ผลกระทบจากไมโครพลาสติกต่อสัตว์ป่าที่อาศัยใกล้ชุมชน การค้นพบดังกล่าวไม่เพียงสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบนิเวศ แต่ยังเป็น “สัญญาณเตือน” ว่า ปัญหาพลาสติกกำลังย้อนกลับมาส่งผลต่อมนุษย์ที่อยู่ร่วมสิ่งแวดล้อมเดียวกัน



ผลการศึกษาพบว่า ไมโครพลาสติกปนเปื้อนในมูลลิงทุกตัวอย่างที่เก็บจากพื้นที่วนอุทยานโกสัมพี โดยกลุ่มลิงที่อาศัยใกล้บ่อน้ำเสียมีการปนเปื้อนสูงที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับการตรวจสอบคุณภาพน้ำและตะกอนดินในพื้นที่ งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลิงที่หันมาพึ่งพาอาหารจากมนุษย์และใช้น้ำจากชุมชน ส่งผลให้เสี่ยงต่อการได้รับไมโครพลาสติกมากขึ้น การค้นพบดังกล่าวไม่เพียงตอกย้ำถึงวิกฤติปัญหาขยะพลาสติกในสิ่งแวดล้อม แต่ยังสะท้อนความเชื่อมโยงของสุขภาพ “คน-สัตว์-ธรรมชาติ” ที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้
          มลพิษจากพลาสติกเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้น และมีรายงานการตรวจพบไมโครพลาสติกในสัตว์ป่ามากขึ้นเรื่อย ๆ การศึกษานี้มุ่งเน้นไปที่ ลิงแสมในวนอุทยานโกสัมพี ประเทศไทย ซึ่งมักสัมผัสกับกิจกรรมของมนุษย์ โดยมีการตรวจสอบไมโครพลาสติกในอุจจาระลิงเพื่อประเมินระดับการปนเปื้อนและบทบาทของลิงแสมในฐานะ “ตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ” ของมลพิษสิ่งแวดล้อม ผลการศึกษาเผยว่า ลิงแสมทุกตัวที่สุ่มตัวอย่างมีไมโครพลาสติกปนเปื้อน โดยอนุภาคเส้นใยเป็นชนิดที่พบมากที่สุด และสีที่พบมากที่สุดคือสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเกษตรและการจัดการขยะ งานวิจัยนี้ไม่เพียงให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการแพร่กระจายของไมโครพลาสติกในระบบนิเวศที่มนุษย์และสัตว์ใช้ร่วมกัน แต่ยังตอกย้ำถึงความจำเป็นในการพัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดมลพิษจากพลาสติก ปกป้องสัตว์ป่า และคุ้มครองสุขภาพของมนุษย์ในระยะยาว



ที่มาของงานวิจัยเรื่องการตรวจพบไมโครพลาสติกในมูลลิงมีอย่างไร
       งานวิจัยนี้มาจากทีมวิจัย One Health ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่ทำงานในพื้นที่วนอุทยานโกสัมพีมาอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้มีการศึกษาหลายประเด็น เช่น สุขอนามัยและโรคที่เกี่ยวข้องกับคนและสัตว์ในพื้นที่ ต่อมาได้ขยายการศึกษาไปสู่เรื่องไมโครพลาสติก เนื่องจากเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังได้รับความสนใจ จึงมีการตรวจสอบว่าลิงแสมหางยาวที่อยู่อาศัยในพื้นที่นี้ได้รับผลกระทบหรือไม่

ไมโครพลาสติกคืออะไร และมาจากไหน
       ไมโครพลาสติกคือเศษพลาสติกที่มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร เกิดได้ทั้งจากการแตกตัวของพลาสติกชิ้นใหญ่ (เช่น ถุงพลาสติกที่โดนแดดและความร้อน) และจากการผลิตโดยตรงในรูปแบบขนาดเล็ก เช่น ไมโครบีดส์ในโฟมล้างหน้าและยาสีฟัน ปัจจุบันตรวจพบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกได้ในน้ำฝน อากาศ อาหารทะเล รวมถึงในร่างกายมนุษย์
ไมโครพลาสติกคือชิ้นส่วนพลาสติกที่มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร แบ่งเป็น 2 ประเภท
ไมโครพลาสติกทุติยภูมิ เกิดจากการแตกหักของพลาสติกชิ้นใหญ่ เช่น ถุงพลาสติกหรือบรรจุภัณฑ์ที่เสื่อมสภาพ
ไมโครพลาสติกปฐมภูมิ ผลิตขึ้นมาโดยตรงให้มีขนาดเล็ก เช่น ไมโครบีดส์ในโฟมล้างหน้าและยาสีฟัน
ปัจจุบันตรวจพบการปนเปื้อนไมโครพลาสติกในอากาศ น้ำฝน อาหารทะเล และแม้แต่ในร่างกายมนุษย์



ทำไมจึงเลือกศึกษาที่วนอุทยานโกสัมพี
        วนอุทยานโกสัมพีเป็นพื้นที่ที่ลิงแสมหางยาวอาศัยอยู่ใกล้ชุมชน มีการปะปนระหว่างคนกับลิงสูง ทั้งจากการให้อาหารและการใช้ทรัพยากรน้ำร่วมกัน ทำให้เป็นพื้นที่เหมาะสมที่จะศึกษาเรื่องการปนเปื้อนไมโครพลาสติกในสัตว์ป่า

วิธีการตรวจหาสารเคมี มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
        ทีมวิจัยของเรามีการเก็บตัวอย่างจากมูลลิง น้ำ และตะกอนดิน แล้วนำเข้าสู่ห้องปฏิบัติการ ใช้สารเคมีแยกชิ้นส่วนพลาสติกออกมา จากนั้นกรองและตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์ รวมถึงยืนยันด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ขั้นสูง

ผลการวิจัยพบอะไรบ้าง
       ผลการวิจัยเราตรวจพบไมโครพลาสติกในมูลลิงทุกตัวอย่างที่เก็บมา โดยกลุ่มลิงที่อาศัยใกล้บ่อน้ำเสียพบมากที่สุด และผลยังสอดคล้องกับการตรวจน้ำและสิ่งแวดล้อมที่พบการปนเปื้อนเช่นกัน

สาเหตุที่ลิงได้รับไมโครพลาสติกคืออะไร
     พฤติกรรมลิงเปลี่ยนไปจากการหากินในธรรมชาติ มาเป็นการรออาหารจากคน ซึ่งบางครั้งอาหารถูกโยนมาในถุงพลาสติกหรือมีการปนเปื้อนอยู่แล้ว อีกทั้งลิงยังเล่นและดื่มน้ำจากบ่อน้ำเสีย ทำให้ได้รับไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกาย



วิธีการศึกษาและผลการตรวจสอบทีมวิจัยใช้วิธีตรวจสอบอย่างไร
       ทีมวิจัยของเรามีการเก็บตัวอย่างจากมูลลิง น้ำ และตะกอนดิน นำเข้าสู่ห้องปฏิบัติการ ใช้สารเคมีแยกชิ้นพลาสติก กรอง ตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ และยืนยันด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ขั้นสูง

ผลการตรวจพบเป็นอย่างไร
       พบไมโครพลาสติกในมูลลิงทุกตัวอย่าง โดยกลุ่มที่อาศัยใกล้บ่อน้ำเสียพบมากที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับการตรวจคุณภาพน้ำและตะกอนในพื้นที่
ปัจจัยที่ทำให้ลิงรับไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกายคืออะไร
   สำหรับปัจจัยที่ทำให้ลิงได้รับไมโครพลาสติดเข้าสู่ร่างกายนั้นมาจากทั้งอาหารและน้ำ
ลิงบางกลุ่มเลิกหากินในธรรมชาติ แล้วหันมารออาหารจากคน ซึ่งบางครั้งปนเปื้อนพลาสติกหรือถูกโยนมาในถุง
พฤติกรรมเล่นน้ำและดื่มน้ำจากบ่อน้ำเสีย ทำให้ได้รับไมโครพลาสติกโดยตรง

ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมไมโครพลาสติกส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตอย่างไร
      ไมโครพลาสติกสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น การกิน การหายใจ หรือการสัมผัส ผ่านบาดแผล เมื่อเข้าสู่ร่างกายอาจสะสมในระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร ก่อการอักเสบ ขัดขวางการดูดซึมอาหาร หรือสร้างภาวะเครียดออกซิเดชัน ซึ่งอาจนำไปสู่โรคภูมิแพ้หรือมะเร็ง แม้งานวิจัยปัจจุบันยังไม่ชี้ชัด แต่เป็นประเด็นที่ทั่วโลกกำลังศึกษาอย่างจริงจัง



การค้นพบครั้งนี้สะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างไร
       แสดงให้เห็นว่าการขยายตัวของเมือง การใช้พลาสติก และการจัดการขยะที่ไม่เหมาะสม ส่งผลโดยตรงต่อสัตว์ป่าที่อยู่ใกล้ชุมชน ไมโครพลาสติกจากกิจกรรมมนุษย์ไหลลงสู่แหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อม ก่อนย้อนกลับเข้าสู่ร่างกายสัตว์และมนุษย์ในที่สุด
แนวทางการจัดการ และลดผลกระทบเราจะลดการปนเปื้อนไมโครพลาสติกได้อย่างไร
        แนวทางสำคัญคือการลดการใช้พลาสติกตั้งแต่ต้นทาง หากเลี่ยงไม่ได้ควรแยกขยะพลาสติกออกจากเศษอาหารและของเสียอื่น ๆ เพื่อสามารถนำไปรีไซเคิลหรือกำจัดอย่างถูกวิธี หากทุกครัวเรือนช่วยกันแยกขยะ จะลดปริมาณพลาสติกที่ไหลลงสู่สิ่งแวดล้อมได้มาก

ปัญหาการจัดการขยะในปัจจุบันเป็นอย่างไร
         ปัจจุบันการจัดการมักทำที่ปลายเหตุ เช่น การเผาหรือฝังกลบ ซึ่งก่อมลพิษและไม่ยั่งยืน หากมีระบบสร้างแรงจูงใจให้ชุมชนแยกขยะ เช่น การให้ค่าตอบแทนหรือกองทุนชุมชน จะช่วยให้คนมีส่วนร่วมมากขึ้นและลดปัญหาได้จริง

บทบาทของนักท่องเที่ยว และชุมชน นักท่องเที่ยวมีส่วนอย่างไรในการป้องกันปัญหา
      นักท่องเที่ยวควรปฏิบัติตามกฎ เช่น ไม่ให้อาหารลิง ไม่ทิ้งขยะในพื้นที่ และไม่สัมผัสสัตว์โดยตรง การนำถุงพลาสติกหรือแก้วน้ำเข้าไปในพื้นที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจกลายเป็นแหล่งปนเปื้อน นอกจากนี้ควรตระหนักว่าพฤติกรรมเล็ก ๆ ของนักท่องเที่ยวส่งผลต่อระบบนิเวศโดยตรง



ชุมชนรอบวนอุทยานควรมีบทบาทอย่างไร
       ชุมชนจำเป็นต้องตระหนักถึงผลกระทบจากการให้อาหารลิงและการจัดการขยะ หากร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และนักวิจัย เช่น จัดอบรมให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน จะช่วยให้เกิดการอนุรักษ์และอยู่ร่วมกับลิงอย่างสมดุล

ความร่วมมือด้านงานวิจัย งานวิจัยนี้ดำเนินการโดยใครบ้าง
       ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยมหาสารคามร่วมมือกับมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) และเจ้าหน้าที่วนอุทยานโกสัมพี มีการทำวิจัยและกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2016 รวมถึงเผยแพร่ผลงานวิชาการหลายชิ้น ทั้งด้านจำนวนประชากรลิง โรคพยาธิ สุขภาพ และล่าสุดคือไมโครพลาสติก



แนวทางวิจัยในอนาคตจะมุ่งไปทางไหน
      อาจศึกษาประเด็นใหม่ ๆ เช่น ผลกระทบของฮอร์โมน ความเครียด สุขภาพจากโลหะหนัก รวมถึงติดตามจำนวนประชากรลิงหลังมีมาตรการทำหมัน เพื่อประเมินผลต่อความสมดุลของระบบนิเวศและการอยู่ร่วมกับชุมชน

ข้อเสนอเชิงนโยบายและการจัดการภาครัฐควรมีบทบาทอย่างไรในการแก้ปัญหานี้
       ปัจจุบันการจัดการขยะของรัฐยังเน้นที่ปลายเหตุ เช่น การฝังกลบหรือสร้างโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งมักเผชิญกับการต่อต้านและยังสร้างมลพิษเพิ่มเติม สิ่งที่ควรทำคือการสร้างระบบให้ทุกครัวเรือนแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง พร้อมมีแรงจูงใจ เช่น การให้ค่าชดเชยแก่ชุมชนที่ลดปริมาณขยะได้จริง วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณขยะที่เข้าสู่สิ่งแวดล้อมและปัญหาตามมาในระยะยาว

ปัญหาสิ่งแวดล้อมควรถูกมองในระดับใด
        ควรมองตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มจากการลดการใช้พลาสติก การจัดการน้ำเสีย และการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ เพราะหากละเลย ปัญหาจะย้อนกลับมาส่งผลทั้งต่อสัตว์ป่าและมนุษย์เอง



งานวิจัยนี้สะท้อนอะไรให้เราเห็นบ้าง
       สะท้อนว่าการใช้ทรัพยากรของมนุษย์ส่งผลโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม การพบไมโครพลาสติกในลิงแสมหางยาวเป็นสัญญาณเตือนว่ามลพิษได้แพร่กระจายไปทุกระดับของระบบนิเวศแล้ว ไม่เพียงแต่สัตว์ป่า แต่ยังรวมถึงมนุษย์ที่ใช้ทรัพยากรร่วมกันด้วย

หากไม่จัดการปัญหานี้ ผลกระทบจะเป็นอย่างไร
        ไมโครพลาสติกจะสะสมต่อเนื่องในสิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า และพืชผักที่เราบริโภค นั่นหมายความว่ามันจะย้อนกลับเข้าสู่ร่างกายมนุษย์เองในที่สุด ทั้งในรูปของอาหาร น้ำดื่ม และอากาศที่หายใจ



ฝากข้อคิดถึงสังคม อย่างอะไรบ้าง
       ปัญหาไมโครพลาสติกเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด การค้นพบในมูลลิงเป็นเพียงหนึ่งตัวอย่าง แต่แท้จริงแล้วทุกคนล้วนมีโอกาสได้รับพลาสติกเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการสร้างความตระหนักและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ลดใช้ถุงพลาสติก เลือกภาชนะที่ย่อยสลายได้ และช่วยกันแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง การเปลี่ยนเล็ก ๆ เหล่านี้หากทำร่วมกัน จะช่วยลดปัญหาและปกป้องทั้งสิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า และมนุษย์ในระยะยาว

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพ็ญแข ธรรมเสนานุภาพ อาจารย์ประจำสาขาวิชาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์
เบอร์โทรศัพท์ 043 754435

Author

ผู้เขียน : สินีนาฎ พรั่งพร้อมกุล
Email : [email protected]
หมายเลขติดต่อภายใน : 0-4375-4315 (ภายใน) 1722

ภาพประกอบบทความ

  :   ภาพถ่าย : คุณวีระชน ขุนนอก /กราฟิก:คุณปิยะฉัตร ธนภัทรธุวานันท์

Related Posts