นิรุต ธรรมชาติ เมื่อโอกาสมาพร้อมความกล้า เส้นทางแห่งแรงบันดาลใจ

        ทุกความสำเร็จมักเริ่มต้นจาก “การลองก้าวแรก” และบางครั้งก้าวเล็กๆ นั้นอาจเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล...

    สวัสดีครับ ชื่อนายนิรุต ธรรมชาติ ชื่อเล่น โอ๊ค กำลังศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ  คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามครับ

        แรงบันดาลใจของผมก็คือ ตั้งแต่ผมเข้าศึกษาในปีที่ 1 สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ ผมเห็นโพสเเสดงความยินดีกับรุ่นพี่ปีก่อนๆ ที่เข้าร่วมโครงการต่างๆ มากมาย เเละได้รับรางวัล รวมถึงโครงการ ELP  นี้ด้วย ทำให้ผมรู้สึกว่าพวกพี่ๆเก่งมาก  ผมจึงตั้งคำถามกับตัวเองมาตลอดว่า ผมจะมีโอกาสแบบนั้นมั้ย เเล้วถ้าผมทำมันได้เเบบนั้นล่ะผมจะภูมิใจในตัวเองขนาดไหน  พอดีกับช่วงท้ายปีที่ 2 เทอมที่ 2 โครงการนี้ก็ได้เปิดรับสมัครอีกครั้ง แต่ ณ ตอนนั้นผมรู้สึกไม่พร้อมเลย เเต่เพื่อนในสาขาหลายๆคนก็ชวนลงเเข่งขัน และตอนนั้นก็ไม่มีใครพร้อมเหมือนกัน เเต่ก็พอยังมีเวลาเตรียมตัวอยู่นิดหน่อย ผมก็เลยรู้สึกว่าอย่างน้อยก็มีเพื่อนที่สามารถปรึกษากันได้ ผมจึงตัดสินใจลงเเข่งขันกับเพื่อนๆครับ แต่เมื่อผมตัดสินใจลงแข่งขันแล้วผมก็เลยคิดว่า อยากเต็มที่กับมันสักครั้ง ไม่มีอะไรเสียหาย แถมยังได้ประสบการณ์อีกด้วย ทำให้ผมผ่านเข้ารอบต่างๆจนถึงรอบระดับประเทศ เเละผมยังได้กำลังใจที่ดีจากเพื่อนๆ เเละอาจารย์หลายๆท่านอีกด้วย ทำให้ผมรู้สึกมีเเรงผลักดันในการเเข่งขันนี้ครับ

        ผลิตภัณฑ์ที่ผมนำเสนอมาจากงานวิจัยของคณะเภสัชศาสตร์ วิจัยโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ประสบอร รินทอง เเละ อาจารย์ ดร. วันวิสาข์ คุณะวัฒนะกุล โดยอาจารย์ทั้งสองท่านได้นำ สมุนไพรไทยโบราณอย่างตรีผลา มานำเสนอในรูปแบบที่ทันสมัยอย่างแกรนูฟู่ ที่ช่วยในการขับถ่าย การดีท็อก และสุขภาพโดยรวม ผมคิดว่าจุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้คือการยกระดับสมุนไพรไทยโบราณให้มีรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน และผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้ผมโดนเลือกคือ ความมั่นใจในการนำเสนอและการที่ผมเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์นี้จะเป็นไปได้ในตลาด ทำให้ผมมั่นใจในการสื่อสารกับคณะกรรมการด้วยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ทำให้กรรมการเชื่อในสิ่งที่ผมนำเสนอครับ

        สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากโครงการนี้หลักๆ เลยคือ การเปลี่ยนมุมมองในการมองตัวเอง ผมกล้าพูดได้เลยว่าแต่ก่อนผมเป็นคนที่ขาดความมั่นใจ ทำให้ผมไม่กล้าทำในสิ่งที่ผมอยากทำในหลายๆ อย่างและเสียโอกาสเหล่านั้นไป เมื่อผ่านการแข่งขันระดับประเทศมาผมรู้สึกว่าผมมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ทำให้ผมกลับมามองตัวเองเเละเห็นว่า ผมก็ทำได้เหมือนกันนี่นา และผมคิดว่าผมจะใช้ความมั่นใจนี้ในการพัฒนาตัวเองต่อไปครับ สำหรับมุมมองในการเป็นผู้ประกอบการในระดับสากล ผมมองว่าก่อนอื่นผมต้องเรียนรู้ในการมี Global Mindset  หรือ ความสามารถในการปรับตัวและทำงานร่วมกับคนหลากชาติ วัฒนธรรม และภูมิหลังที่แตกต่างกัน เพื่อเตรียมพร้อม ในการทำธุรกิจหรือแม้กระทั่งการใช้ชีวิตร่วมกันกับคนอื่นๆบนโลกนี้ครับ และอีกอย่างหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้คือ การที่จะเป็นผู้ประกอบการต้องมีความพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์ เเละมีความรอบคอบในการตัดสินใจเพื่อที่จะทำให้ธุรกิจสำเร็จครับ 

ระหว่างการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่เชียงใหม่  มีช่วงไหนที่รู้สึกท้าทายหรือประทับใจเป็นพิเศษ  

        ความท้าทายสำหรับผม ณ ตอนนั้นคือ ผมจะนำเสนออย่างไรให้ดึงดูดคณะกรรมการให้ได้มากที่สุด และผมจะเรียนรู้ข้อผิดพลาดของคนอื่นและนำมาปรับใช้ได้อย่างไร เพราะระหว่างรอนำเสนอก็มีเพื่อนเพื่อนหลายหลายคนที่เขาเข้าไปนำเสนอก่อนมาเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง บางคนก็ทำได้ดีทำให้ผมรู้สึกกดดัน แต่บางคนก็มาเล่าข้อผิดพลาดให้ฟังทำให้ผมสามารถนำไปปรับใช้ในการนำเสนอผมได้ และสิ่งที่ประทับใจมากก็คือการที่ได้เจอคนที่มีความเป็นมืออาชีพมากในด้านธุรกิจมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และช่วยแก้ไขจุดด้อยของผมทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้น อีกอย่างก็คือการที่ผู้ร่วมแข่งขันในครั้งนี้ไม่มองว่าใครเป็นคู่แข่ง แต่ช่วยกันแบ่งปันและช่วยกันแก้ไขจุดอ่อนของแต่ละคน ทำให้การแข่งขันนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและได้รับมุมมองดีๆ จากหลายๆ คนครับ

        ผมคิดว่ามันคือ โอกาสในการเรียนรู้ครับ อย่างเช่นก่อนที่ผมจะนำผลิตภัณฑ์นี้ไปนำเสนอผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตรีผลาคืออะไร แต่เมื่อผมได้เข้าไปปรึกษากับอาจารย์เจ้าของงานวิจัย เเละปรึกษากับผู้ดูเเลโครงการ ELP นี้ของทางมหาวิทยาลัย พวกท่านก็เปิดโอกาสให้ผมถามและทำความเข้าใจโดยไม่หวงข้อมูลเลยครับ ทำให้ผมเห็นความพร้อมในการสนับสนุนจากทางมหาวิทยาลัยมหาสารคามครับ

        ผมสามารถบอกได้เลยครับว่าอาจารย์ในสาขาของผมทุกท่านนี่แหละครับ ที่คอยให้กำลังใจ และสนับสนุนทุกเส้นทางของเด็กๆทุกคนในสาขา  ทำให้ผมมีแรงผลักดัน และมีความมั่นใจกล้าที่จะทำสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะผมรู้สึกว่าอย่างน้อยก็มีคนรอให้การสนับสนุนและให้คำปรึกษาอยู่ตลอดครับ

        มันทำให้ผมเห็นว่าผมอยู่ค่อนข้างไกลจากความสำเร็จในการทำธุรกิจ เพราะมีอีกหลายสิ่งที่ผมไม่รู้และผมต้องพัฒนาตัวเองอีกเยอะ แต่ในทางกลับกันมันแสดงให้เห็นถึงเส้นทางในการเตรียมความพร้อมและพัฒนาตัวเองของผมที่ชัดเจนมากขึ้นในการที่จะเป็นผู้ประกอบการในอนาคตครับ

        ผมบอกกับตัวเองเสมอว่า ผมไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด แต่ผมอยากเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด เพราะผมรู้สึกว่าการที่ต้องเก่งที่สุดต้องมาจากการเปรียบเทียบจากคนอื่นซึ่งมันจะทำให้ผมใช้ชีวิตลำบาก แต่การเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดเป็นการเปรียบเทียบตัวเอง ถึงแม้ว่าวันหนึ่งมันจะไม่ดีขึ้นแต่เราก็มีความสุขกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ได้

        ผมอยากให้ทุกคนลองเปิดใจเริ่มทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าทำไม่ได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างน้อยเราก็ได้บทเรียนมาพัฒนาตัวเอง บางครั้งบทเรียนเหล่านนั้นมันอาจจะทำให้เราพัฒนาเกินกว่าที่เราคาดหวังไว้ก็ได้