เสียงรบกวนที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันอาจเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ สำหรับบางคน แต่สำหรับ ฐิติพันธ์ วะเศษสร้อย นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นี่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลระดับประเทศและคว้า โล่พระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยแนวคิดการพัฒนาวัสดุ Acoustic Panel จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อแก้ปัญหามลภาวะทางเสียง เขาไม่เพียงแต่นำเสนอผลงานที่โดดเด่น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงพลังของเยาวชนในการเปลี่ยนแปลงสังคม สาร MSU ONLINE จะพาทุกท่านมารู้จักกับแรงบันดาลใจ เส้นทางความสำเร็จ และมุมมองของเขาไปพร้อมๆกัน!  มาติดตามได้จากบทสัมภาษณ์นี้ค่ะ



แนะนำตัว
        นายฐิติพันธ์ วะเศษสร้อย นิสิตชั้นปีที่ 1 หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

รางวัลที่ได้รับ 
        ผมได้รับ รางวัลชนะเลิศ ได้รับโล่พระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร การประกวดโครงงานวิจัยระดับปริญญาตรี ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหกรรมวิชาการและวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ครั้งที่ 8 (BRICC 2025) ชิงโล่พระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี จัดโดย มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ครับ



รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้รับรางวัลชนะเลิศและโล่รางวัลพระราชทานในครั้งนี้?
        ผมรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ทำสำเร็จในครั้งนี้ครับ ผมตั้งใจพัฒนาผลงานวิจัยอย่างเต็มที่เพื่อเข้าร่วมการประกวดในครั้งนี้ ตั้งแต่กระบวนการวิจัย กระบวนการสร้างสรรค์ผลงาน และกระบวนการนำเสนอผลงาน จนได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ 20 ทีมสุดท้ายจากทั่วประเทศ และได้รับรางวัลชนะเลิศโล่รางวัลพระราชทานในท้ายที่สุด ในช่วงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายผมเป็นนักเรียนคนหนึ่งที่มีความฝันว่าอยากพัฒนาผลงานโครงงานวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ในปี 2565 ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมการประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ครั้งที่ 25 (YSC 2023) ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นรายการแข่งขันโครงงานวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมีการคัดเลือกตัวแทนเข้าสู่รายการแข่งขันโครงงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากการแข่งขันครั้งนั้นผมได้รับรางวัลชนะเลิศ ระดับภูมิภาค และรางวัลพิเศษนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็น 1 ใน 5 ทีมสุดท้ายของประเทศไทยในรอบชิงชนะเลิศ สาขาฟิสิกส์ พลังงาน และดาราศาสตร์ ครับ



        แม้ว่าผมจะไม่ได้รับรางวัลสูงสุดในการแข่งขันครั้งนั้น แต่ผมก็ได้เรียนรู้ ได้รับประสบการณ์ และได้รับแรงบันดาลใจมากมายเพื่อนำมาพัฒนาตนเอง ผมได้เรียนรู้ว่าหัวใจที่สำคัญของการสร้างสรรค์โครงงานวิจัยคือผู้วิจัยเป็นผู้ที่รู้ทุกองค์ประกอบของงานวิจัยมากที่สุด ทุกองค์ประกอบไม่ว่าจะเป็น ลำด้บขั้นตอน วัตถุประสงค์ สมมติฐาน กระบวนการศึกษาวิจัย และการอภิปรายผล ล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น ดังนั้น หากเรานำเสนองานวิจัยออกมาจากความเข้าใจที่ได้รับจากกระบวนการที่ลงมือทำ นอกจากเราจะได้พัฒนาศักยภาพของตนเองแล้วยังก่อให้เกิดผลดีต่อสังคมอีกด้วย
        จนกระทั่งผมได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันครั้งนี้ จากจุดประกายความฝันเล็กๆในก็กลายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ ท้ายที่สุดหนึ่งในเป้าหมายของการแข่งขันอาจจะหมายถึงรางวัล แต่เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือการนำประสบการณ์ทั้งหมดที่ได้สั่งสมมาพัฒนาตนเองและพัฒนาผลงานเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อแวดวงวิทยาศาสตร์ วิจัย นวัตกรรม รวมไปถึงประเทศชาติ



โครงงานวิจัยของคุณเกี่ยวกับอะไร และมีแนวคิดในการพัฒนาอย่างไร?
        โครงงานวิจัยของผมเป็นการพัฒนาวัสดุ Acoustic Panel ที่ออกแบบมาเพื่อลดปัญหามลภาวะทางเสียง โดยใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรที่สามารถหาได้ในท้องถิ่น นำมาสังเคราะห์และปรับปรุงโครงสร้างทางกายภาพและเคมีในระดับนาโนเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับเสียง วัสดุเหล่านี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปริมาณขยะอินทรีย์ และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่เน้นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด



        การวิจัยมุ่งเน้นการออกแบบวัสดุให้มีโครงสร้างที่สามารถดูดซับเสียงได้ดี โดยอาศัยหลักการทางฟิสิกส์ของการกระจายและการลดพลังงานของคลื่นเสียง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับแต่งคุณสมบัติเชิงโครงสร้างของวัสดุ เช่น ความพรุน (Porosity) และค่าความต้านทานเสียง (Acoustic Impedance) เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง โดยเฉพาะในอาคารสำนักงาน ห้องบันทึกเสียง โรงเรียน โรงงานอุตสาหกรรม และสถานที่ที่ต้องการลดเสียงรบกวน
        เป้าหมายหลักของโครงการนี้คือการสร้างวัสดุ Acoustic Panel ที่มีราคาถูกและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการเป็นฉนวนที่ดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมก่อสร้างและการออกแบบอาคารที่ต้องการลดเสียงรบกวน หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ อาจสามารถขยายผลไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่สามารถใช้งานได้ในระดับอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่นโดยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ



มีแรงบันดาลใจหรือปัญหาอะไรที่ทำให้เราเลือกทำโครงงานวิจัยชิ้นนี้คืออะไร?
        จุดประกายความคิดและแรงบันดาลใจที่ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์โครงงานวิจัยเรื่องนี้คือ ผมได้ประสบกับปัญหามลภาวะทางเสียงบ่อยครั้ง เช่น เสียงจากการทำอาหารในครัวเรือน เสียงจากการแสดงคอนเสิร์ต รวมไปถึงมลภาวะทางเสียงจากการก่อสร้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อมนุษย์ ทั้งส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ เช่น ในช่วงอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ หากมีปัญหามลภาวะทางเสียงเข้าใรบกวน อาจทำให้เราสูญเสียสมาธิในการอ่านหนังสือได้ ผมจึงอยากคิดค้นนวัตกรรมที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้โดยที่ชาวบ้านและคนในสังคมจะต้องเข้าถึงและจับต้องได้ครับ



การพัฒนาโครงงานวิจัยนี้มีความท้าทายหรืออุปสรรคอะไรบ้าง และคุณจัดการกับมันอย่างไร?
        การพัฒนาโครงงานวิจัยนี้ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการครับ ตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกวัสดุไปจนถึงการทดสอบและพัฒนาประสิทธิภาพของวัสดุให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง หนึ่งในความท้าทายหลักคือการเลือกใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรที่สามารถนำมาพัฒนาเป็น Acoustic Panel ได้อย่างมีประสิทธิภาพ วัสดุเหลือทิ้งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติทางกายภาพที่แตกต่างกัน เช่น ความพรุน ความแข็งแรง และโครงสร้างภายใน ซึ่งส่งผลต่อคุณสมบัติในการดูดซับเสียงโดยตรง ดังนั้น จำเป็นต้องมีการศึกษาคุณสมบัติของวัสดุต่าง ๆ และคัดเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความท้าทายของงานวิจัยล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้พัฒนาผลงานออกมาเป็นเวอร์ชันที่สมบูรณ์ที่สุดครับ



ผลลัพธ์ของงานวิจัยมีประโยชน์ต่อสังคมอย่างไร และสามารถนำไปต่อยอดในอนาคตได้อย่างไรบ้าง?
        ผลลัพธ์ของงานวิจัยนี้มีประโยชน์ต่อสังคมในหลายด้านเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะในแง่ของการลดปัญหามลภาวะทางเสียง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ทางด้านสิ่งแวดล้อมที่เรากำลังเผชิญกันในปัจจุบันครับ ในขณะเดียวกันโครงงานวิจัยของผมยังสอดคล้องกับแนวทางในการพัฒนาวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) นอกจากนี้ ผมมองว่าโครงงานวิจัยนี้ยังสามารถนำไปต่อยอดได้ในหลายภาคส่วน ทั้งในด้านอุตสาหกรรม ก่อสร้าง พลังงาน การพัฒนาเทคโนโลยีวัสดุขั้นสูง รวมไปถึงการนำนวัตกรรมไปต่อยอดสร้างรายได้วิสาหกิจชุมชนให้กับเกษตรกรในชุมชนด้วยครับ



มีใครเป็นแรงสนับสนุนหรือบุคคลที่คุณอยากขอบคุณเป็นพิเศษไหม?
        บุคคลที่ผมอยากจะขอบพระคุณอย่างยิ่ง คือ คุณครูเสาวรจนี จันทวงค์ และคุณครูวิริทธิ์พล วิเศษฐี ชมรม Sci Project SKR โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล ที่ปูพื้นฐานที่ดีในการทำโครงงานวิจัยมาตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาครับ ขอบพระคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่ทำให้ผมได้พัฒนาศักยภาพของตนเอง ขอบคุณอาจารย์และคณาจารย์ทุกท่านในคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามที่สนับสนุนในการประกวดและการแข่งขันครับ ขอบพระคุณผู้ปกครอง ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ที่สนับสนุนและให้กำลังใจในการทำกิจกรรมทุก ๆ รายการครับ ที่สำคัญคืออยากขอบคุณตนเองที่เชื่อมั่นในเป้าหมายของตนเองว่าความพยายามจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ครับ



เราคิดว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในครั้งนี้?
        ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในครั้งนี้คือ “ความพยายาม” ครับ ผมเชื่อมั่นเสมอว่าหากเรามีความพยายามที่จะลงมือทำสิ่งใดก็ตาม เราย่อมได้รับสิ่งที่ดีเป็นผลลัพธ์ครับ ผลลัพธ์ที่ว่าไม่ใช่เพียงแค่รางวัลหรือสิ่งที่การันตีความสำเร็จเท่านั้น แต่ผลลัพธ์คือประสบการณ์และความรู้ที่จะติดตัวเราไปตลอดครับ เมื่อเราพยายามควบคู่ไปกับการมีองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มากขึ้น แน่นอนว่าจะก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่มุ่งหวังได้อย่างแน่นอนครับ



การเข้าร่วมมหกรรมวิชาการระดับนานาชาติ BRICC 2025 ทำให้เราได้รับประสบการณ์หรือมุมมองใหม่ ๆ
อะไรบ้าง?
        จากการเข้าร่วมมหกรรมวิชาการระดับนานาชาติ ผมได้เปิดโลกทัศน์ในมุมมองใหม่ ๆ มากขึ้นครับ ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น ผมได้เรียนรู้ว่ากระบวนการคิดในรูปแบบต่าง ๆ แม้จะมีแนวทางที่แตกต่างกันออกไป แต่เราสามารถพัฒนาทุก ๆ องค์ประกอบจนไปสู่เป้าหมายของเราได้ นอกจากนี้ การได้นำเสนอผลงานในมหกรรมระดับนานาชาติยังช่วยให้ผมได้ฝึกฝนทักษะการสื่อสารทางวิชาการและการตอบคำถามจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านเคมี ฟิสิกส์ วัสดุศาสตร์ วิศวกรรมเคมี นาโนเทคโนโลยี พลังงานทดแทน และสิ่งแวดล้อม การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยหรือประเทศต่าง ๆ ช่วยให้เราได้รับมุมมองที่กว้างไกลขึ้น อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ นวัตกรรม และแนวคิดเกี่ยวกับการวิจัยด้านวัสดุชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน งานนี้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสกับมุมมองใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ทั้งในเชิงวิชาการและการพัฒนาโครงการวิจัยในอนาคตโดยแท้จริงครับ



สุดท้ายนี้ อยากฝากอะไรถึงนิสิตรุ่นน้องหรือผู้ที่สนใจทำวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบ้าง?
        สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากถึงนิสิตรุ่นน้องและผู้ที่สนใจทำวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่าการทำวิจัยไม่ใช่แค่การทดลองในห้องแล็บหรือการวิเคราะห์ข้อมูลทางทฤษฎีเท่านั้น แต่มันคือการเรียนรู้ กระบวนการคิด และการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การทำวิจัยเป็นเส้นทางที่ท้าทาย บางครั้งเส้นทางนั้นอาจเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่ทุกข้อผิดพลาดล้วนเป็นโอกาสให้เราเรียนรู้และพัฒนาตัวเองครับ
        การทำวิจัยต้องอาศัยความมุ่งมั่น อดทน และความคิดสร้างสรรค์ อย่ากลัวที่จะตั้งคำถามหรือทดลองสิ่งใหม่ ๆ เพราะวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าได้จากการที่เราตั้งคำถามกับสิ่งที่ยังไม่มีคำตอบ บางครั้งเส้นทางของการทดลองอาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่ทุกก้าวที่เราลงมือทำล้วนเป็นบทเรียนที่สำคัญครับ
        สุดท้าย อยากให้ทุกคนกล้าที่จะเรียนรู้และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพราะโลกของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังก้าวเข้าสู่เส้นทางการวิจัย ขอให้ประสบความสำเร็จ และสิ่งที่เราทำในวันนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตครับ

Author

ผู้เรียบเรียง : จุฑามาศ ภิญโญศรี
Email : [email protected]
หมายเลขติดต่อภายใน : 0942915414

ภาพประกอบบทความ

  :   ถ่ายภาพ MSU TV / จุฑามาศ ภิญโญศรี : กราฟิก : ปิยะฉัตร ธนภัทรธุวานันท์

Related Posts