นักวิจัยเก่ง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม พัฒนา วิจัย แปรรูป ผลิตภัณฑ์สมุนไพรพื้นบ้าน "ตรีผลา"ที่มีมากในท้องถิ่น ตรีผลายังเป็นตํารับยาแผนโบราณที่มีการใช้ทั้งทางการแพทย์อายุรเวทของอินเดียและการแพทย์แผนไทยมาเป็นเวลานานนับพันปีจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของสมุนไพรไทยให้ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น ในการนำตรีผลาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มีสรรพคุณในการปรับสมดุลของธาตุทั้ง 4 ในร่างกาย ป้องกันธาตุไฟกำเริบ ล้างพิษจากระบบทางเดินอาหาร ระบบเลือก น้ำเหลือง เป็นยาระบายที่รู้เปิดรู้ปิด และหยุดขับถ่ายได้อย่างรู้จังหวะเวลา และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีอีกหนึ่งทางเลือกของเราในปัจจุบัน จากการพัฒนาวิจัยสู่ผลิตภัณฑ์คุณภาพของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประสบอร รินทอง อาจารย์สังกัด



คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ตรีผลายังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ ช่วยป้องกันอันตรายจากการฉายรังสี ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือด สำหรับคนที่มีอาการท้องผูกเป็นประจำ หากรับประทานตรีผลาอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติได้เป็นอย่างดี
ที่มาของงานวิจัยงานชิ้นนี้
สำหรับที่มาของงานวิจัยนี้ ตรีผลาเป็นตํารับยาแผนโบราณที่มีการใช้ทั้งทางการแพทย์อายุรเวทของอินเดียและการแพทย์แผนไทยมาเป็น เวลานานนับพันปี ดังนั้นตรีผลาจึงเป็น ตํารับยาที่ประกอบด้วยผลไม้ 3 ชนิด คือ มะขามป้อม สมอพิเภก และสมอไทย ซึ่งเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่มีจำนวนมาก และมีสรรพคุณที่มากมายจึงเป็นที่น่าสนใจ ว่าเราจะสามารถนำมาพัฒนาสมุนไทยพื้นบ้านนี้อย่างไร เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทย



        จริงๆแล้ว เมื่อตอนที่ตนเองสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกกลับมาทำงานจริงๆ ตรีผลาเป็นโจทย์งานวิจัยที่มีกลุ่มแม่บ้านที่อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม ที่เคยทำตรีผลามาก่อนหน้าแล้ว คือ มีการทำเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งพบกับปัญหาเรื่องการผลิต เรื่องการขึ้นราคาของวัตถุดิบ จึงเป็นโจทย์วิจัยที่ค้างมาตั้งแต่ตอนที่กลับมาทำงานใหม่ๆ อีกทั้งคณะเภสัชศาสตร์ ยังมีการประสานงานร่วมกับกลุ่มแม่บ้าน ที่ผลิตเรื่องตรีผลาอยู่ขณะนั้น เลยเป็นจุดสนใจ อีกทั้งตรีผลาเป็นยาแผนโบราณอยู่เดิมแล้วนั้น และตรีผลาก็มีจำนวนมากในแถบอำเภอนาดูนจังหวัดมหาสารคาม เลยมองว่าน่าจะนำตรีผลามาวิจัย มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าของสมุนไพรไทยต่อไปได้ 



คุณสมบัติของตรีผลา
ตรีผลาเป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ เพื่อเป็นการปรับสมดุลของธาตุทั้ง 4 ในร่างกายป้องกันธาตุไฟกำเริบ ล้างพิษจากระบบทางเดินอาหาร ระบบเลือก และน้ำเหลือง เป็นยาระบายที่รู้เปิดรู้ปิดระบาย และหยุดขับถ่ายได้อย่างรู้จังหวะเวลา และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน อีกทั้งตรีผลามีกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบช่วยป้องกันอันตรายจากการฉายรังสี กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือด ในคนที่มีอาการท้องผูกเป็นประจำ หากรับประทานตรีผลาต่อเนื่องจะช่วยให้การขับถ่ายให้เป็นปกติได้เป็นอย่างดี สารสกัดจากตรีผลามีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง จากการทดสอบฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง 3 ชนิด คือ มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี และทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์ปกติ Vero cell line พบว่าสารสกัดจากตรีผลาสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ทั้ง 3 ชนิด โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 38.55,67.93,46.76 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรตามลำดับ โดยไม่เป็นพิษต่อเซลล์ปกติ



ลักษณะพิเศษของผลิตภัณฑ์ตรีผลา
      สำหรับคุณลักษณะพิเศษของตรีผลานั้น คือตรีผลาจริงๆ เเล้วเป็นยาอายุวัฒนะของอินเดีย ตรีผลาเป็นสูตรยาที่สามารถใช้ขับพิษออกจากร่างกาย โดยเน้นที่ระบบของร่างกาย เช่นระบบทางเดินอาหาร ระบบการขับถ่าย และระบบเลือด หลังจากนั้นก็จะสามารถกระจายออกไปได้ว่า ระบบขับถ่ายเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับอะไรได้บ้าง ระบบเลือด พิษในเลือดนั้นเกี่ยวกับอะไรได้บ้าง เช่น ไขมัน น้ำตาล ความดัน ตับ เป็นต้น พอเราทราบว่าตรีผลา มีผลต่อร่างกายของเรา ก่อนที่จะนำมาทำเป็นยาขายได้นั้น เรามีการทดสอบความเป็นพิษก่อนว่ารับประทานมากน้อยเพียงใดถึงจะเป็นพิษ รับประทานมากน้อยเพียงใดถึงจะออกฤทธิ์ได้ดี แล้วจึงค่อยเปลี่ยนมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่อไป ตรีผลาเป็นสมอไทย สมอพิเภก และมะขามป้อม สามต้อนนี้ 1 ปี จะออกผลเพียงครั้งเดียว และเป็นความโชคดีที่จังหวัดมหาสารคามของเรามีครบทั้งสามต้น และมีผลผลิตจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นการนำเอาผลิตภัณฑ์ที่มีในท้องถิ่นตามฤดูกาลจำนวนมากมาแปลรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่าได้เป็นอย่างดี



ปัจจุบันเรามีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใดบ้าง
สำหรับในปัจจุบันนั้น เราจะเริ่มจาก สมอไทย พิเภก มะขามป้อม ทั้งสามชนิดนี้เรามีการนำมาวางแผนว่าจะเก็บผลผลิตอย่างไร ที่จะทำให้ได้ตัวยาสำคัญออกมาได้มากที่สุด เพราะจะนำมาใช้เป็นยาไม่ได้นำผลสดมารับประทานเลย หลังจากนั้น เราเริ่มทำกระบวนการวางแผนว่าจะเก็บอย่างไร จะอบแห้งอย่างไร ก็จะนำมาแปรรูปอย่างไร ถึงจะสามารถเก็บเอาไว้ได้นานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะใน 1 ปี จะออกผลเพียง 1 ครั้งเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราสามารถขายในรูปแบบผลผลิตแห้งก็ได้ นี่คือรูปลักษณ์อันแรก หลังจากนั้นเราก็นำมาสกัด เพื่อให้มีความเข้มข้นมากขึ้น เพื่อใช้เป็นยา หรือใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง อันนี้ก็จะขายในรูปแบบสารสกัด ซึ่งเรามีการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อย


        หลังจากนั้นเราก็นำเอาสารสกัด นำมาทำในรูปแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ทุกคนมีการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เช่น สบู่เหลวรักษาสิว และโลชั่นตรีผลาบำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของสารสกัดตรีผลา ขมิ้นชัน และน้ำผึ้ง ช่วยให้กระจ่างใส ไกลสิว ผิวเนียนนุ่ม 
ตรีผลาแคปซูล : ตำรับยาแผนไทยในบัญชียาหลักแห่งชาติใช้บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ และใช้เป็นยาระบาย 
น้ำตรีผลา : ช่วยในการบำรุงธาตุ อุดมไปด้วยสาร total phenolic ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ 
        ผงชง และ เม็ดฟู่ : ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยระบายท้อง เหมาะกับผู้ที่ท้องผูกเรื้อรัง มีปัญหาด้านการขับถ่าย แต่ในส่วนของ เม็ดฟู่ จะรับประทานได้ง่าย สะดวกกว่า เพียงรับประทานวันละ 1 เม็ด เท่านั้น


ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของแคปซูล กินอย่างไรถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อร่างกาย
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นตรีผลาแคปซูลนั้น จริงๆ แล้วสรรพคุณหลักของเขา คือช่วยในเรื่องของการขับถ่าย และช่วยลดระดับไขมันในเลือด เช่นเมื่อเราต้องการช่วยในเรื่องของการขับถ่ายโดยผู้ที่มีอาการท้องผูก (สำหรับคนที่มีธาตุเบา) จะต้องกินตรีผลาแคปซูล 1-2 แคบซูล ก่อนนอนวันละครั้ง แต่หากสำหรับคนที่มีอาการท้องผูกที่หนักมาก คือมีการเข้าห้องน้ำสัปดาห์ละ 1 -2 ครั้ง (สำหรับคนที่มีธาตุหนัก) ควรจะกินยาตรีผลาแคปซูล จำนวน 3-4 แคปซูล ต่อวันก่อนนอน เพื่อให้ระบบขับถ่ายมีการทำงานเป็นปกติ หากคนที่มีอาการท้องผูกนั้น เมื่อกินวันนี้สองถึงสามวันถ่าย ก็สามารถหยุดกินตรีผลาแคปซูลได้ ไม่มีปัญหา หากต้องการช่วยในเรื่องของการลดไขมันในเลือด จะกินยาตรีผลสแคปซูล เพื่อลดไขมันใน เลือดอย่างต่อเนื่อง และกินเพียงครั้งละ 1 แคปซูล เช้า เย็น โดยต้องมีการกินแบบต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จึงจะเห็นผล หลังจากนั้นเราไปตรวจค่าของเลือด เพื่อตรวจสอบดูระดับไขมันในเลือดอีกครั้ง เพราะยาตรีผลาแคปซูลที่เราผลิตขึ้นมานั้น สามารถเป็นตัวช่วยที่ดีอีกหนึ่งทางเลือกได้เป็นอย่างดี เพื่อช่วยในการควบคุมไม่ให้มีไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบัน
 

กลุ่มเป้าหมายผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะต้องใช้ยาแคปซูลคือกลุ่มใด
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของผู้ที่จะใช้ยาตรีผลาแคปซูลนี้ คือกลุ่มที่ธรรมชาติของบุคคลที่มีไขมันในเส้นเลือกสูงนั้น หากมีระดับไขมันในเลือดอยู่ที่ประมาณ 200 คุณหมอจะมีการแนะนำ ให้กลับไปปรับพฤติกรรมของตนเองก่อนการใช้ยารักษา หากยังไม่ดีขึ้นโดยการตรวจพบระดับไขมันในเลือดที่ยังสูงอยู่เช่นเดิม คงต้องมีการใช้ยาร่วมในการรักษา เพราะฉะนั้นบุคคลที่มีความเสี่ยงกลุ่มนี้ คือกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องมีการใช้ยาตรีผลาแคปซูลของเรา เพื่อเป็นตัวช่วยอีกหนึ่งตัวเลือกในการรับประทาน เพื่อเป็นตัวช่วยในการควบคุม ไม่ให้มีระดับไขมันในเส้นเลือดเพิ่มขึ้นจนต้องใช้ยาของแพทแผนปัจจุบันใช้ร่วมกันในการรักษา


ในอนาคตจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปไปในทิศทางไหน
สำหรับการทำงานวิจัยในเรื่องของตรีผลานั้น เราเริ่มมีการวิจัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 เป็นต้นมานั้น คิดว่ามีการทำค่อนข้างครบ และลงตัวในแง่ของข้อมูลพื้นฐาน เพราะฉะนั้น ในครั้งต่อไปนั้น จะเป็นในเรื่องของรูปแบบเยลลี่ ท๊อฟฟี่ ในรูปแบบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เป็นต้น แต่ทั้งนี้อาจจะต้องมีการถ่ายทอดในภาคเอกชน เพราะเป็นรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้กระบวนการผลิตที่ภาครัฐไม่สามารถทำเองได้ และสนใจที่จะพัฒนาต่อไป คือในเรื่องของมันแกว เพราะมันแกวเป็นผลผลิตที่มีจำนวนมาก ของจังหวัดมหาสารคาม นี่คือส่วนที่ท้าทายในอนาคตต่อไป ที่ต้องการจะพัฒนา เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรที่มีจำนวนมากในท้องถิ่นของเราต่อไป

ฝากอะไรถึงนักวิจัยรุ่นใหม่
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นสถาบันการศึกษา และมีงานวิจัยที่เป็นหนึ่งในพันธกิจของมหาวิทยาลัย และโดยข้อมูลทางวิชาการเราค่อนข้างที่จะมีจำนวนมาก ปัญหาของเราในปัจจุบันคือ ทำอย่างไรที่ภาคเอกชน หน่วยงานภายนอกนั้น จะสามารถเข้ามาหยิบผลงานวิจัยดีๆ เหล่านี้ไปใช้ได้ เพราะที่ผ่านมายังขาดความเชื่อมโยงซึ่งกัน และกันอย่างมาก ใครที่มีความสนใจผลิตภัณฑ์สุขภาพ ไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะตรีผลาเท่านั้น แต่ทุกท่านสามารถเข้ามาปรึกษา พูดคุยร่วมกันได้ ที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ใน วัน เวลา ราชการ ว่าเราจะสามารถช่วยท่านอย่างไรได้บ้าง เรายินดีที่จะถ่ายทอด และให้ความรู้ออกไปสู่ภายนอกเท่าที่เราจะช่วยได้ด้วยความยินดีแนวความคิดในการทำงานวิจัยเมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อก่อน ตนเองรู้สึกว่าหากเป็นสมัยก่อนย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปี ก่อนนั้น คนที่เป็นอาจารย์ หรือเป็นนักวิจัย จะทำวิจัยเพื่อตอบสนองในสิ่งที่ตนเองสนใจเท่านั้น เช่น ตนเองรู้สึกว่าตรีผลามีความสำคัญ พอเราทำวิจัยสำเร็จนั้น เรามีคำตอบให้กับคำถามที่เราตั้งขึ้นมาเองได้นั้น เราก็รู้สึกมีความสุขว่าเราได้รับคำตอบนั้นแล้ว หลังจากคำตอบของเรามีคนค้นพบ และมีการนำเอาไปถ่ายทอด หรือนำไปใช้ประโยชน์ เราก็จะเกิดความภาคภูมิใจมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึงจุดนี้ จะเป็นการดีกว่าหรือไม่ หากเรามีการตั้งโจทย์ย้อนกลับไปว่าอะไรคือปัญหา หรือว่าอะไรคือคำถามที่คนอื่นหาคำตอบไม่ได้ แต่เราซึ่งเป็นผู้ที่ค่อนข้างมีความพร้อมในเรื่องของเครื่องมือ หรือความเชี่ยวชาญ เราลองมาแก้ปัญหานั้น หรือว่าลองพิสูจน์ข้อสงสัยนั้น ให้กับเขาเหล่านั้น ซึ่งจะเป็นโจทย์ที่มีคนต้องการใช้ประโยชน์อยู่แล้วนั้น สมัยก่อนนั้นเราอาจจะมองในแง่ของเรื่องของการแก้ปัญหาแต่โจทย์ที่เราสนใจ แต่ตอนนี้ปัญหาสังคม หรือว่าอะไรที่เป็นโจทย์ของส่วนกลางของสังคม ยังคอยให้เราเข้าไปค้นหา ช่วยแก้ปัญหาอยู่นั้น ก็อยากจะเชิญชวนให้ผู้ที่ทำวิจัยลองมองออกไปข้างนอก และเราจะค้นพบว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่เราจะต้องช่วยแก้ปัญหา ทำเพื่อสังคม และส่วนรวมอีกมาก



ผู้ที่สนใจ
สามารถติดต่อไปที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 
เบอร์โทรศัพท์/โทรสาร 043-754360 
เว็บไซต์ : http://pharmacy.msu.ac.th
ศูนย์ส่งเสริมความรู้ภาคอุตสาหกรรม (ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ)UIC
เบอร์โทรศัพท์ 043-754192

Author

ผู้เรียบเรียง : สินีนาฎ พรั่งพร้อมกุล
Email : sineenard.p@msu.ac.th
หมายเลขติดต่อภายใน : 0-4375-4315 (ภายใน) 1722

ภาพประกอบบทความ

  :   สินีนาฎ พรั่งพร้อมกุล/กราฟิก:คุณปิยะฉัตร ธนภัทรธุวานันท์

Related Posts