“ทุนภูมิพล” นับเป็นทุนแห่งเกียรติยศ ที่นิสิตจะได้เข้ารับพระราชทานจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ..สาร MSU Online จึงขอพาทุกท่านไปรู้จักและพูดคุยกับหนึ่งในนิสิตที่ได้เข้ารับพระราชทานทุนภูมิพล มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปีการศึกษา 2564 ซึ่งเขาจะมาบอกเล่าเรื่องราวและแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ที่สามารถผ่านการคัดเลือกเข้ารับทุนภูมิพลในครั้งนี้ ตามเรามาค่ะ
แนะนำตัว
นายชยณัฐ คำเสน นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขานิติศาสตรบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้เข้ารับพระราชทานทุนภูมิพล ประจำปีการศึกษา 2564 เนื่องในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปีการศึกษา 2563-2564
ทุนที่ได้รับ
ทุนที่ผมได้รับคือ “ทุนภูมิพล” ประจำปีการศึกษา 2564 ครับ โดยทุนนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่นิสิตนักศึกษา โดยมีพระราชประสงค์ให้มหาวิทยาลัยตั้งชื่อทุนนี้ว่า “ทุนภูมิพล” เพื่อเป็นการส่งเสริมการศึกษาของนิสิตและนักศึกษา ให้มีความมานะ อุตสาหะในการศึกษา และสนับสนุนนิสิตนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีและทำคุณประโยชน์ต่อสังคม และเพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อมหาวิทยาลัยครับ
โดยมีหลักเกณฑ์และคุณสมบัติการได้รับทุนภูมิพล คือ เป็นนิสิตที่มีความประพฤติดีเรียบร้อย เป็นต้นแบบอันดีทั้งในด้านการศึกษาและการดำรงชีวิตสอดคล้องกับเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ และค่านิยมของการเป็นนิสิต (MSU FOR ALL) นิสิต มมส พึ่งได้ และมีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เป็นนิสิตที่สร้างชื่อเสียงให้แก่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เช่น ด้านวิชาการ ด้านจิตอาสาบำเพ็ญประโยขน์ ด้านกีฬา หรือด้านศิลปวัฒนธรรม เป็นต้น ตลอดจนเป็นนิสิตที่มีผลงานเชิงประจักษ์ ได้รับการยอมรับจากสังคมในด้านกิจกรรมนิสิต รวมถึงเลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีจิตสำนึกที่ดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ครับ
เล่าถึงที่มาที่ไปของการรับทุนดังกล่าว มีขั้นตอนการคัดเลือกและการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ตามที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามประกาศรับสมัครนิสิตเพื่อคัดเลือกเข้ารับทุนการศึกษา “ทุนภูมิพล” ประจำปีการศึกษา 2564 โดยกองทุนพัฒนาศักยภาพนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มอบทุนดังกล่าวให้แก่นิสิตระดับปริญญาตรีทุนละ 10,000 บาท ปริญญาโททุนละ 15,000 บาท และปริญญาเอกทุนละ 20,000 บาท ซึ่งมีคณะกรรมการการคัดเลือกเป็นผู้ดำเนินการ โดยวิธีการสัมภาษณ์และพิจารณาจากเอกสารประกอบการสมัคร ซึ่งกสารพิจารณาเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการแต่ละชุด และกระผมได้ผ่านคุณสมบัติตามประกาศอย่างครบถ้วน มีผลงานและกิจกกรมที่โดดเด่น อาทิ ได้รับคัดเลือกเข้ารับรางวัลเชิดชูเกียรติ คนดีศรี มมส รางวัลนิสิตต้นแบบ MSU FOR ALL รางวัลเชิดชูเกียรติ ช่อราชพฤกษ์ เป็นต้นครับ
ในการเตรียมตัวนั้น ผมได้มีการศึกษาข้อกำหนดตามประกาศและได้มีการเตรียมตัว ดังนี้ครับ
- ติดตามและอ่านประกาศในเรื่องหลักเกณฑ์และคุณสมบัติ และตรวจดูว่าเราว่ามีคุณสมบัติ ครบถ้วนตามประกาศกำหนดไว้หรือไม่
- เตรียมหลักฐานการยื่นขอรับทุน เช่น ใบแสดงผลการเรียน หนังสือรับรงการเป็นนิสิต เขียนเรียงความสมุดกิจกรรม หรือใบประกาศ เป็นต้น
- เตรียมตัวในเรื่องของการสัมภาษณ์ เช่น ความเป็นมาของทุนภูมิพล การแนะนำตัว แนะนำผลงาน คุณประโยชน์ที่ได้ทำใหกับทางคณะ หรือทางมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นต้น
- การทำกิจกรรมที่หลากหลายย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลงานเชิงประจักษ์
- รักษาผลการเรียนให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
- ประพฤติปฏิบัติดี เรียบร้อยอย่างสม่ำเสมอ ไม่ถูกลงโทษทางวินัยนิสิต
บอกเล่าความรู้สึก ความภาคภูมิใจที่ได้รับทุนนี้
รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคัดเลือกเข้ารับพระราชทานทุนภูมิพล ประจำปีการศึกษา 2564 ระดับปริญญาตรี ซึ่งเป็นทุนการศึกษาอันทรงคุณค่าที่กระผมภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง โดยตลอดระยะเวลาที่ได้ศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กระผมได้เชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดา มารดา คณาจารย์ทุกท่าน อันเป็นการหล่อหล่อมบ่มเพาะให้กระผมประพฤติดีและมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ รวมถึงพยายามทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ให้กับส่วนรวมโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมระดับคณะ กิจกรรมระดับมหาวิทยาลัย จนไปถึงระดับจังหวัด เพื่อที่จะสามารถเป็นที่พึ่งให้กับสังคมและชุมชนได้ และเป็นที่ยอมรับของครอบครัว คณาจารย์ เพื่อน พี่ น้อง ตลอดจนคนรอบข้างอย่างเด่นชัด ซึ่งการที่ผมได้รับททุนการศึกษานี้ ได้เป็นกำลังใจให้กระผมทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม อีกทั้งจะประพฤติปฏิบัติอย่างถูกต้องควบคู่กับคุณธรรมจริยธรรมเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนิสิตนักศึกษา อันสามารถเป็นที่พึ่งของสังคมและชุมชนสืบต่อไปได้ สุดท้ายนี้กระผมขอขอบพระคุณคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รวมไปถึงหน่วยงานหรือองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ไว้ ณ โอกาสนี้ ขอบคุณมากครับ
มองอนาคตของเราเองไว้อย่างไรบ้าง
สำหรับอนาคตกระผมได้วางแผนไว้ดังนี้ว่า จะนำทุนการศึกษา “ทุนภูมิพล” ไปต่อยอดในการพัฒนาศักยภาพ พัฒนาองค์ความรู้ทางด้านกฎหมาย เพิ่มทักษะให้กับตนเอง ซึ่งหมายถึงก้านนิติศาสตร์ก็ไปศึกษาต่อในระดับเนติบัณฑิต ก็คือ สำนักอบรมกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาซึ่งเป็นการต่อยอดทางด้านกฎหมายและพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายมากยิ่งขึ้น เพื่อนำองค์ความรู้ทางด้านกฎหมายไปช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่เพื่อนๆ น้องๆ รวมถึงคนรอบข้างได้ อันเป็นการสอดคล้องกับเอกลักษณ์ “นิสิตกับการเป็นที่พึ่งของสังคมและชุมชน” อัตลักษณ์ “นิสิตกับการช่วยเหลือสังคมและชุมชน” ของมหาวิทยาลัยมหาสารคามด้วยครับ
ข้อคิดดีๆ ที่ ใช้ในการดำเนินชีวิต
"จุดที่เรายืนอยู่ตรงนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด" การที่เราจะทำอะไรมาก็ตาม แม้ว่าจะผ่านช่วงเวลามามากหรือน้อยเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคหรือปัญหา หากเรามีจุดมุ่งหมาย เราจะต้องเริ่มเริ่มทำอะไรสักอย่างครับ และการเริ่มต้นที่ดีที่สุดนั้น คือ การเริ่มต้นในวันนี้ ก็คือ เริ่มในปัจจุบัน เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หาโอกาสใหม่ๆ ได้ในทุกๆวันครับ และกระผมเชื่อว่าทุกคนสามารถที่จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ครับ
ความภาคภูมิใจ "มหาวิทยาลัยมหาสารคาม"
กระผมขอขอบพระคุณมหาวิทยาลัยมหาสารคาม รวมไปถึงคณะนิติศาสตร์ ที่ได้มอบโอกาสและความรู้ต่างๆ ให้กับตัวกระผมเอง เมื่อเข้ามาศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยได้เลือกเข้าศึกษาในคณะนิติศาสตร์ ซึ่งตั้งอยู่
อาคารราชนครินทร์หรือตึก RN ด้วยสิ่งแวดล้อมบรรยากาศของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่ร่มรื่น น่าเรียนและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวเป็นสิ่งที่ประทับใจมากๆ ครับ คณะนิติศาสตร์คณาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิและบุคลากรของคณะนิติศาสตร์เป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีผลงานทางวิชาการ หรือตำแหน่งทางวิชาการมากมายครับ และท่านได้ถ่ายทอดความรู้ให้กระผมได้เข้าใจในรายวิชาต่างๆ เข้าใจในกระบวนการยุติธรรมได้เป็นอย่างดี ตลอดจนไปถึงการต่อยอดสู่การประกอบวิชาชีพทางกฎหมายได้ในอนาคต สร้างนักกฎหมายเพื่อ โดยความสำเร็จนั้นสามารถดูได้จากพี่ๆ ศิษย์เก่าที่จบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประสบความสำเร็จมากมายไปช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติได้อย่างมีคุณภาพครับ
และนอกจากทางด้านวิชาการที่เป็นเลิศแล้ว มหาวิทยาลัยยังมีกิจกรรมที่หลากหลายให้กระผมได้เข้าร่วมมาโดยตลอด และในฐานะที่กระผมเป็นเด็กกิจกรรมคนหนึ่ง การทำกิจกรรมควบคู่ไปกับการเรียนทำให้เราได้รับประสบการณ์และเรียนรู้ทักษะในการแก้ปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี “การเรียนสอนให้คนมีงานทำ แต่กิจกรรมสอนให้คนทำงานเป็น” กระผมใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยมหาสารคามตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาได้อย่างคุ้มค่าและสามารถก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยมหาสารคามได้อย่างภาคภูมิใจ และสามารถที่จะไปช่วยเหลือสังคมและชุมชนต่อไปได้ ดังปรัชญามหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ว่า “พหูนํ ปณฺฑิโต ชีเว : ผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน”ครับ