อีกหนึ่งความประทับใจกับรางวัลเกียรติคุณ โดยมหาวิทยาลัยมหาสารคามมีมติมอบรางวัลพระธาตุนาดูนทองคำ ประจำปี 2564 ประเภทศิษย์เก่าดีเด่น เพื่อเชิดชูเกียรติศิษย์เก่าดีเด่น และเป็นบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัย เป็นที่ประจักรแก่สาธารณชนและประเทศชาติ ให้กับดร.สุทิน คลังแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จังหวัดมหาสารคาม กับสมยานามที่ว่า “ผู้แทนติดดิน”ดาวเด่นสภาปี 2563
จากนิสิต สู่นักวิชาการ และก้าวเข้าสู่เส้นทางของการเป็นนักการเมืองที่มีความรู้ ความสามารถ อย่างเต็มศักยภาพ จากการหล่อหลอมของสถาบันการศึกษาหลายแห่ง และมหาวิทยาลัยมหาสารคามเป็นอีกหนึ่งสถาบันการศึกษาที่หล่อหลอมบัณฑิตจากรุ่นสู่รุ่นออกสู่สังคมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตนเอง
ความประทับใจที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้
เป็นความประทับใจที่สุดเท่าที่เคยได้รับรางวัลมา เพราะว่าตนเองมีความผูกพันธ์กับมหาวิทยาลัยมหาสารคามมาหลายมิติ เคยศึกษาที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในระดับปริญญาตรี โท และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก็เปิดโอกาสให้ตนเองได้ทำงาน เพื่อแสดงศักยภาพของตนเองอย่าเต็มที่ อีกทั้งครอบครัวก็ยังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาสารคามแห่งนี้ มหาวิทยาลัยมหารคาม เปรียบเสมือนบ้านที่ให้ชีวิต ยิ่งได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ถือว่าเป็นรางวัลที่ภาคภูมิใจมากที่สุด ที่สำคัญ คือเปิดโอกาสให้เราได้ทำงานเพื่อรักษาเกียรติภูมิของมหาวิทยาลัยมหาสารคามอีกด้วย
อาจารย์ได้รับอะไรจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
การเป็นตัวตนของตนเองนั้น มีโอกาสเห็นการทำงานของตนเองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้นั้นได้มาจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตั้งแต่เป็นมหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ จนถึงการเป็นมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตนเองมีโอกาสเข้าศึกษาในคณะศึกษาศาสตร์ วิชาเอกสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ ได้นำวิชาความรู้ ความสามารถทั้งหมดมาใช้ในการปฏิบัติงานด้านการเมืองอย่างเต็มที่ ศึกษาระดับปริญญาโทสาขาไทยคดีศึกษา เมื่อมีโอกาสได้อภิปรายในสภาในสังคมแต่ละครั้ง มีหลายคนเกิดความสงสัยว่าสำเร็จการศึกษาสาขาอะไร ถึงมีความรู้ ความสามารถกล่าว และพูดได้ทุกแขนง สิ่งเหล่านี้ได้จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทั้งหมดอย่างเต็มศักยภาพ ที่สำคัญที่สุด มีโอกาสได้ทำงานบริหารในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ร่วมงานกับคนเก่งมากมายหลายแขนง เมื่อร่วมงานกับนักวิชาการ คณะบริหารระดับสูง สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ตรงที่หล่อหลอมตนเองได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้มีโอกาสได้แสดงความเป็นตัวตนทางสังคมได้อย่างเต็มศักยภาพสูงสุด อีกทั้งยังได้รับเสียงสะท้อนในทางบวกเสมอมา เมื่อปีที่ผ่านมาตนเองได้รับรางวัลดาวเด่นในรัฐสภา โดยมีสื่อหลายแขนงมาขอสัมภาษณ์ความเป็นตัวตน สำเร็จการศึกษาจากคณะอะไร จากมหาวิทยาลัยไหน โดยสื่อเหล่านั้นให้ความสนใจเรื่องสถาบันการศึกษาอย่างมาก นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเราเป็นผู้ที่มีองค์ความรู้ ความสามารถมาก เพราะฉะนั้นทุกสิ่งที่ผ่านมา ตนเองได้มาจากมหาวิทยาลัยมหาสารคามทั้งนั้น
“ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้ความรู้ ให้อาชีพ ให้ประสบการณ์ ให้ทักษะที่ดีเยี่ยม”
ในฐานะที่ได้รับรางวัลสาขานี้ อยากฝากถึงศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน ในการดำรงตนดำรงชีวิตอย่างไรบ้าง
สิ่งแรกคือ ต้องการให้ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันภาคภูมิใจในความเป็นสถาบันของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยมหาสารคาม อยู่ต่างจังหวัด และเป็นมหาวิทยาลัยน้องใหม่เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยในกรุงเทพหลายมหาวิทยาลัยนั้น แต่มหาวิทยาลัยมหาสารคามได้รับการยอมรับสูงมาก จากมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง เท่าที่ได้สัมผัสตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามีลูกศิษย์ที่มีความรู้ ความสามารถ ได้แสดงศักยภาพ ออกสู่สังคมมากมายตลอดเวลาอย่างต่อเนื่องเป็นที่ประจักแก่สาธารณะ เพราะฉะนั้นตนเองอยากจะให้ทุกคนมีความภาคภูมิใจ และตระหนักว่ามหาวิทยาลัยมหาสารคามไม่เป็นรองใคร และขอให้ผดุงเกียรติยศของมหาวิทยาลัยมหาสารคามต่อไปให้ได้มากที่สุด
ท้ายสุดนี้นิสิตทุกคนที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาสาคามไปแล้วนั้น ควรจะนึกถึงคติพจน์ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กับคำว่า “พหุนังปชิโตชีเว” มหาวิทยาลัยมหาสารคามพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน ใช้ได้กับทุกอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพนักการเมืองของตนเองนั้น
จุดหักเหที่นำมาสู่เส้นทางการเมือง
จุดหักเหที่ทำให้ตนเองเข้ามาสู่เส้นทางการเป็นนักการเมืองของชาวอีสานนั้น ขณะที่เป็นอาจารย์สอนนิสิตของมหาวิทยาลัยมหาสารคามนั้น ตนเองมีโอกาสคลุกคลีกับนักการเมืองเก่งๆ หลายท่านที่เป็นตัวแทน เป็นกระบอกเสียงของชาวอีสาน จึงทำให้รู้ว่ามีความต้องการที่จะเป็นนักการเมือง จึงทำฝันของตนเองให้เป็นจริง ตัดสินใจกลับมาศึกษาต่อ และปฏิบัติงานที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม อีกทั้งมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มอบโอกาสให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีฯ ระหว่างนั้นก็จัดรายการวิทยุ เริ่มมีผู้ติดตาม และเริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากยิ่งขึ้น จึงมีโอกาสได้นำเสนอ แนะนำตัวเองกับชาวบ้าน เพื่อเป็นการปูเส้นทาง เพื่อก้าวเข้าสู่งานการเมืองอย่างเต็มรูปแบบจนถึงปัจจุบัน
อยากให้ฝากถึงศิษย์เก่าที่ต้องการเดินเส้นทางอาชีพนักการเมืองหน่อยว่าต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างไรในการทำประโยชน์เพื่อสังคม
เริ่มตั้งแต่ความเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จนถึงความเป็นมหาวิมทยาลัยมหาสารคาม เรามีศิษย์เก่าที่ออกมารับใช้สังคมมากมายนับไม่ถ้วน เมื่อก่อนสายด้านการศึกษาก็สำเร็จออกมาเป็นแม่พิมพ์ของชาติ เป็นนักวิชาการ เป็นนักบริหาร และในระหว่างนั้นความเป็นแม่พิมพ์ของชาติก็ผันตัวเองไปเป็นนักการเมืองจำนวนมาก โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดการเรียนการสอนหลายสาขา ที่มีความพร้อมด้านสถานที่ ด้านบุคลากรสายวิชาการ ด้านอุปกรณ์ที่ทันสมัยครบครันนั้น เราสามารถนำความรู้ความสามารถไปช่วยประชาชนได้หลายช่องทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยมหาสารคามเปิดการเรียนการสอนของคณะวิทยาลัยการเมืองการปกครอง ซึ่งตัวนี้จะเป็นตัวบ่มเพาะที่ดีที่สุดต่อไป
และในปีนี้ตนเองได้มีโอกาสเห็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้แสดงศักยภาพ แสดงสำนึกที่ดี เป็นผู้นำทางสังคมได้โดดเด่นอย่างมาก และในอนาคตนั้น ตนเองมีความคาดหวังว่าน่าจะมีศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีโอกาสได้ก้าวเป็นผู้นำของประเทศบ้าง ได้ทำงานเพื่อรับใช้สังคมได้หลายระดับ เพราะฉะนั้นการที่จะก้าวเดินสู่เส้นทางนักการเมืองของศิษย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ไม่ยากอย่างที่คิดเลย ขอให้มีความมุ่งมั่นที่จะทำ มุ่งมั่นที่จะเป็น ทำทุกอย่างให้เต็มศักยภาพที่มี และขอให้มีจิตอาสา แลจำไว้เสมอว่า ผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน
ขอขอบคุณ
ดร.สุทิน คลังแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จังหวัดมหาสารคาม
ภาพจากงานข่าว / งานวิทยุและโทรทัศน์