การแข่งขันทางวิชาการในระดับประเทศไม่เพียงเป็นสนามพิสูจน์ความสามารถของนิสิตนักศึกษาเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของนักวิจัยรุ่นใหม่ วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับ อภิชาติ วิโย นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ คณะบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เจ้าของผลงานวิจัยที่คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ประเภทการแข่งขันนำเสนอบทความวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ เรื่อง “Assessing labour productivity convergence amid different political regimes” จากโครงการแข่งขันตอบปัญหาและนำเสนอบทความวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ระดับชาติ ปีการศึกษา 2567 สาร MSU ONLINE จะพาทุกท่านไปพูดคุยกับเขา กับเส้นทางสู่ความสำเร็จครั้งนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย อะไรคือแรงบันดาลใจที่ผลักดันให้เขาเลือกทำวิจัยหัวข้อนี้? กระบวนการทำงานเป็นอย่างไร? และเขามีเป้าหมายต่อไปอย่างไรในฐานะนักวิจัยรุ่นใหม่? มาหาคำตอบจากบทสัมภาษณ์นี้กันเลยค่ะ!
แนะนำตัวเอง
สวัสดีครับ นายอภิชาติ วิโย นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ คณะการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ครับ โดยมี อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก อ.ดร.วีระศักดิ์ สว่างโลก อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม อ.ณัฏฐ์ ธารเจริญ อาจารย์ผู้ฝึกสอน ผศ.ดร.อุทิศ พงศ์จิรวัฒนา และ อ.ดร.คมกริช วงศ์แข ครับ
ความรู้สึกที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ประเภทการแข่งขันนำเสนอบทความวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ เรื่อง “Assessing labour productivity convergence amid different political regimes” จากโครงการแข่งขันตอบปัญหาและนำเสนอบทความวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ระดับชาติ ปีการศึกษา 2567
หลังจากได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ผมรู้สึกทั้งดีใจและภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะรางวัลนี้เป็นผลลัพธ์ของความพยายามและความทุ่มเทตลอดช่วงเวลาที่ทำงานวิจัยร่วมกัน ผมตั้งใจและคาดหวังกับการแข่งขันครั้งนี้เป็นอย่างมาก ไม่ใช่เพียงเพื่อผลลัพธ์ของตัวเอง แต่ยังต้องการให้ผลงานวิจัยของผมมีคุณค่าและสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มองค์ความรู้ทางวิชาการ และความสำเร็จครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความพยายามของผมเพียงลำพัง แต่ยังเป็นผลจากการสนับสนุนของอาจารย์ ดร.วีระศักดิ์ สว่างโลก อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก รวมถึงอาจารย์ที่ปรึกษาทุกท่านที่ได้มอบทั้งความรู้ คำแนะนำ และแรงบันดาลใจให้ผมมาตลอด กระบวนการเรียนรู้และการทำวิจัยครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการแข่งขันเพื่อรางวัล แต่เป็นโอกาสอันล้ำค่าที่ทำให้ผมได้พัฒนาตัวเองทั้งในด้านวิชาการและแนวคิดเชิงวิจัย ผมขอขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลงานนี้ขึ้นมาครับ
ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่า บทความวิจัยของคุณเกี่ยวกับอะไร และมีประเด็นสำคัญอะไรบ้าง?
งานวิจัยนี้ศึกษาการบรรจบกันของผลิตภาพแรงงาน (Labour Productivity Convergence) ใน 63 ประเทศ โดยแบ่งออกเป็นสองกลุ่มตามระบอบการเมือง ได้แก่ ระบอบอำนาจนิยม (Authoritarian Regimes) และระบอบประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ (Full Democracies) ในช่วงเวลาสองช่วง คือ 2004–2013 และ 2014–2023 โดยใช้แบบจำลอง Fixed Effects Models และ GMM Dynamic Panel Data Models เพื่อตรวจสอบว่าผลิตภาพแรงงานในแต่ละกลุ่มประเทศมีแนวโน้มบรรจบกันหรือไม่ และปัจจัยใดที่มีอิทธิพลต่อกระบวนการนี้ โดยที่ประเด็นหลักๆนะครับจะอยู่ที่ความมีเสรีภาพทางการเมืองของระบอบการปกครองทั้งสองระบบซึ่งจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของแรงงานหรือไม่ครับ
ทำไมเลือกศึกษาหัวข้อนี้ มีแรงบันดาลใจมาจากอะไร?
แรงบันดาลใจในการเลือกหัวข้อนี้มาจากการทบทวนวรรณกรรมจากงานวิจัยต่างประเทศ ซึ่งทำให้อาจารย์ที่ปรึกษาหลักและผมสังเกตเห็นว่ามีการศึกษาการบรรจบกันของปัจจัยทางเศรษฐกิจในแต่ละประเทศอยู่บ้าง แต่ยังไม่ค่อยมีการศึกษาที่มุ่งเน้นไปที่การเปรียบเทียบในระดับโลกโดยพิจารณาตามระบอบการปกครอง สิ่งที่ทำให้ผมสนใจคือ หากเรามองในมุมของผลิตภาพแรงงานแล้ว เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันในหลายประเทศทั่วโลก ภายใต้ระบอบการปกครองที่แตกต่างกัน จะมีความแตกต่างในอัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานหรือไม่ และเมื่อวิเคราะห์ในเชิงลึก เราจะพบว่าระบอบการปกครองส่งผลต่อช่องว่างของประสิทธิภาพแรงงานหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาตัวแปรด้านศักยภาพทางการเมืองที่มีผลต่อเสถียรภาพและนโยบายเศรษฐกิจของแต่ละประเทศครับ
ในระหว่างการทำวิจัย มีความท้าทายหรืออุปสรรคอะไรที่ต้องเจอ และคุณแก้ไขอย่างไร?
แม้ว่างานวิจัยที่ได้นำมาประกวดหรือแข่งขันในครั้งนี้จะศึกษารูปแบบการปกครองเพียง2 ระบอบ แต่จริงๆ แล้ว งานวิจัยฉบับเต็มที่อาจารย์และผมได้ศึกษาระบบการปกครองถึง 4 ระบอบจากหลายประเทศทั่วโลก ความท้าทายหลักของงานวิจัยนี้คือการรวบรวมข้อมูลที่มีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ทั้งในด้านวัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากนโยบายและแนวทางการบริหารของแต่ละประเทศ และอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ทำให้งานวิจัยนี้ท้าทายคือ การศึกษาการบรรจบกันของผลิตภาพแรงงาน ซึ่งเป็นหัวข้อที่ยังไม่ได้รับการศึกษาอย่างแพร่หลายในระดับสากล ทำให้การวิเคราะห์แต่ละขั้นตอนต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ เราจึงใช้แนวทางการศึกษาเปรียบเทียบกับงานวิจัยนานาชาติที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน

และหนึ่งในความท้าทายสำคัญของการทำวิจัยนี้คือข้อจำกัดด้านระยะเวลา เนื่องจากผมเป็นนิสิตสหกิจศึกษารุ่นแรกของสาขาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ ทำให้มีเวลาในการศึกษาวิจัยเพียง 5-6 เดือนเท่านั้น ภายใต้ข้อจำกัดดังกล่าว ผมจำเป็นต้องมีความกระตือรือร้น มีวินัย และบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้งานวิจัยบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ โดยที่งานวิจัยนี้จะไม่สามารถสำเร็จลุล่วงได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนและคำแนะนำจาก อาจารย์ ดร.วีระศักดิ์ สว่างโลก อาจารย์ที่ปรึกษาหลักของผม ท่านได้มอบทั้งความรู้ คำแนะนำ และกำลังใจอย่างเต็มที่ตลอดกระบวนการวิจัย ไม่เพียงช่วยชี้แนะแนวทางการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูล แต่ยังคอยสนับสนุนให้ผมสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างรอบด้านและเป็นระบบ ผมขอแสดงความเคารพและขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงสุดสำหรับความเมตตาและการอุทิศตนเพื่อช่วยให้งานวิจัยนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ครับ
อยากฝากอะไรถึงเพื่อนนิสิตที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันลักษณะนี้ในอนาคต?
สำหรับเพื่อนๆ และน้องนิสิตที่สนใจส่งประกวดงานวิจัยในครั้งต่อไป การก้าวไปสู่ความสำเร็จได้นั้นจำเป็นต้องมีทัศนคติที่ดี ความคิดที่เปิดกว้าง และความพร้อมที่จะยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น เพราะกระบวนการวิจัยไม่ได้มีเพียงแค่การวิเคราะห์ข้อมูล แต่ยังรวมถึงการแลกเปลี่ยนมุมมองเพื่อพัฒนางานให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นครับ
ข้อคิดดีๆ ในการดำเนินชีวิต
ความท้าทายคือบททดสอบของการเติบโต – ทุกปัญหาและอุปสรรคเป็นโอกาสให้เราได้พัฒนาตัวเองและเพิ่มพูนศักยภาพ ครับ
มีเป้าหมายอะไรต่อไปหลังจากได้รับรางวัลนี้ อยากต่อยอดงานวิจัยของตัวเองอย่างไร?
เป้าหมายต่อไปคือการนำงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ไปแผยแพร่ในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งต่อยอดการศึกษาโดยเจาะลึกถึงตัวแปรที่ส่งผลให้เกิดประสบการณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละระบบการปกครอง นอกจากนี้ยังต้องการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของแรงงานภายใต้ระบบการปกครองที่แตกต่างกัน ซึ่งแม้จะมีลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่ต่างกัน แต่กลับมีแนวโน้มการเติบโตที่สวนทางกับความเข้าใจทั่วไป เพื่อให้ผลงานมีความสมบูรณ์และสามารถนำไปใช้ประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาทางด้านแรงงานครับ