นิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 35 ตัวแทนนักศึกษาประเทศไทย ในโครงการ Experiential Learning Program : ELP ณ ไต้หวัน วันนี้ สาร MSU ONLINE จะพาทุกท่านพูดคุยกับ สันติภาพ ธุรารัตน์ นิสิตจากสาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้ซึ่งได้รับคัดเลือก จะมา
บอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ดีๆ ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ผ่านบทสัมภาษณ์ มาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ
แนะนำตัว
สวัสดีครับ ผม ดอม นายสันติภาพ ธุรารัตน์ นิสิตจากสาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ครับ ผมเป็น 1 ใน 35 ตัวแทนนักศึกษาประเทศไทย จากโครงการ Experiential Learning Program ครับ ผมเป็นหนึ่งในนักศึกษาหลายคนที่ชื่นชอบการทำธุรกิจมากกกกก คืออยากรวยนั่นแหล่ะครับ😂 ผมรู้ว่าตัวเองสนใจในธุรกิจก็ตอนตัวอยู่ ม.5 เริ่มอยากหาเงินด้วยความชอบของตัวเอง คือการทำเสื้อผ้าขายครับ หลังจากนั้นมาก็เริ่มมองหาลู่ทางในการหาเงิน และก็ประกวดแผนธุรกิจอยู่เรื่อย ๆ เลยครับ
ชื่อโครงการที่เราเข้าร่วม
โครงการ EXPERIENTIAL LEARNING PROGRAM (ELP PROGRAM) ภายใต้โปรแกรมการเรียนรู้จากประสบการณ์เพื่อเร่งการเป็นผู้ประกอบการจากมหาวิทยาลัยในเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคร่วมกับพันธมิตรระหว่างประเทศ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างนักศึกษาที่เป็นสตาร์ทอัพจากมหาวิทยาลัย มีแนวคิดในการเชื่อมโยงด้านปัญหาหรือตลาดในต่างประเทศและสร้างกระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์ในรูปแบบจากภายนอก (Outbound) ให้กับสตาร์ทอัพจากมหาวิทยาลัยของประเทศไทยได้เรียนรู้ และเข้าใจถึงปัญหา และสภาพของตลาดจริงในต่างประเทศ ซึ่งนักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือกรอบประเทศเพื่อเป็นตัวแทน 35 นักศึกษาประเทศไทยไปศึกษาดูงาน เรียนรู้ผ่านกระบวนการทำงานจริงในต่างประเทศกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งหมด 5 ประเทศ ได้แก่ประเทศ ไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฝรั่งเศส ซึ่งก็เป็นเครือข่ายพันธมิตรของโครงการที่ได้มีการเซ็น MOU กันไว้เรียบร้อย และปีนี้มีเพิ่มมาอีก 1 ประเทศ คือ อังกฤษครับ
เรามีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
อันดับแรก เตรียมใจครับ😂 พูดถึงการเตรียมตัวในโครงการนี้ แต่ละรอบ ตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบไฟนอล เราจะมีการกรูมมิ่งทั้งด้านมายเซ็ต แนวคิด การทำงาน จากเหล่าวิทยากร นักธุรกิจ มาให้คำแนะนำอยู่เสมอครับ ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจบริบทในไอเดีย หรือธุรกิจนั้น ๆ ด้วยครับ ส่วนตัวแล้วเราก็ได้มีการเตรียมตัวเตรียมใจ เพื่อให้พร้อมกับการเรียนรู้ครับ นอกจากนั้นผมยังได้ขอคำปรึกษาจากทางอาจารย์ทางสาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจครับ ซึ่งอาจารย์ก็ใหัคำแนะนำดีมาก ซึ่งยิ่งรอบลึก ๆ เราก็เริ่มท้อ ก็ได้คำแนะนำจากอาจารย์นี่แหล่ะครับที่คอยแนะ คอบสอน ส่วนแนวทางการปฏิบัติก็อยู่ที่เราล้วน ๆ เลยครับ ก็ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนทุก ๆ ท่านที่ได้กล่าวมาและไม่ได้กล่าวมาด้วยนะครับ
บรรยากาศการแข่งขันเป็นอย่างไรบ้าง
บรรยากาศการแข่งขันก็ถือว่าดุเดือดพอสมควรครับ รู้สึกว่าเป็นอีกหนึ่งการแข่งขันที่ค่อยข้างกดดันพอสมควร เพราะตัวเองก็ไม่เคยคิดว่าจะมาแข่งเวทีใหญ่ระดับนี้ และก็ไม่คิดว่าตัวเองจะผ่านเข้ามาถึงรอบ Final เพราะเพื่อน ๆ ที่มาแข่งก็มีแต่คนเก่ง ๆ แข่งเวทีระดับประเทศมาแล้วทั้งนั้น ตอนนั้นคิดไว้อย่างเดียวว่า เอาวะ มาขนาดนี้แล้วก็ต้องเอาให้สุด ได้ไม่ได้ไม่เป็นไร ขอเต็มที่ไว้ก่อน ก็นั่นแหล่ะครับ จนตกมาถึงวันที่ประกาศผลและเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ดีใจและภูมิใจมากครับผม
อยากให้ช่วยเล่าถึงประสบการณ์และความประทับใจที่ได้ร่วมโครงการนี้
การไปเรียนรู้ บ่มเพาะ ร่วมกับเหล่าสตาร์ทอัพจากทางไต้หวันที่ National Taiwan University of Technology and Science ซึ่งเป็นการเรียนรู้การทำสตาร์ทอัพในไต้หวัน เรียนรู้วัฒนธรรม และศึกษาตลาดจากที่นั่นเป็นเวลา 14 วันเต็ม ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามากเพราะไม่สามารถหาได้จากที่ไหนอีกแล้ว ยิ่งตอนเรียนกับคนที่ประสบความสำเร็จในด้านสตาร์ทอัพที่นู่นนะ บอกเลย มันส์มาก เพราะเขาคัดมามีแต่คนระดับ Silicon Valley ที่สหรัฐฯเลยครับ ทั้งยังได้รับการต้อนรับจากทางทีมไต้หวันอย่างอบอุ่น ทำให้เห็นได้ว่าการมีพันธมิตรที่ดีก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยความสำเร็จในธุรกิจอีกด้วยครับ
ประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการนี้
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นนะครับ โครงการนี้เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้นิสิตได้เรียนรู้ประสบการณ์จากการทำงานจริงร่วมกับเหล่า Start ups community สิ่งที่ได้เลยคือ แนวคิดการเป็นผู้ประกอบการในระดับสากลมากยิ่งขึ้น มันทำให้เราได้แนวคิดหรือมุมมองในธุรกิจที่แตกต่างออกไปจากเดิม ทำให้เราเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจ แนวทางการปฏิบัติเพื่อนำมาปรับใช้จริง อย่างตัวผมเองก็สนใจในการทำธุรกิจ ซึ่งมันก็ทำให้เราได้นำความรู้ตรงนั้นมาปรับใช้ด้วย เช่น การมอบคุณค่าให้ลูกค้าผ่านตัวผลิตภัณฑ์ของเรา หรือการทำการตลาดให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้นครับ
ข้อคิดดีๆ ที่เราใช้ในการดำเนินชีวิต
ส่วนตัวแล้ว ผมถือคติข้อหนึ่งครับ ที่ใช้ได้ตลอดเลย คือ “ถ้าเราไม่ตัดสินใจทำวันนี้ แล้วจะเสียใจทีหลังไหม” เป็นคำพูดที่คอยฉุกให้คิดรวมทั้งการตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าสิ่งนี้มันเป็นโอกาสในการพัฒนาชีวิตเราด้วยหรือเปล่า ถ้าใช่ ลงมือทำเลย เพราะโอกาสไม่ได้มาหาเราอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะคว้าโอกาสนั้นไว้หรือไม่ครับ
ช่วยฝากถึงเพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่สนใจอยากร่วมโครงการนี้ในปีต่อ ๆ ไปต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ฝากถึงน้อง ๆ พี่ ๆ นิสิต ป.ตรี ป.โท ป.เอก (อายุ 18-30 ปี) หรือคนที่สนใจอยากเข้าร่วมโครงการในรอบนี้นะครับ โครงการ ELP นี้เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้เราได้นำเอาความรู้ ความสามารถ รวมถึงไอเดียธุรกิจ หรือธุรกิจจริง ๆ ที่เราทำอยู่ สามารถนำไปทดลองหรือเปิดโอกาสให้กับตัวเองนะครับ โครงการนี้นอกจากจะให้โอกาสในการเรียนรู้ ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองแล้ว ยังมอบโอกาสดี ๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้จากพิธีกร นักธุรกิจมากความสามารถ คนที่ประสบความสำเร็จจากการทำ Start ups แนวคิดการเป็นผู้ประกอบการ รวมถึงว่าที่หุ้นส่วนทางธุรกิจในอนาคต หรือพาร์ทเนอร์ ที่จะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจเราแล้วนะครับ และก็ขอให้ทุกคน สู้ ๆ ครับ ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของเราแน่นอนครับ ถ้าใจเราเชื่อว่าทำได้ ยังไงมันก็ต้องทำได้ครับ อย่างที่บอกตอนแรก เตรียมใจครับ!😂