จากฝันสู่ความเป็นจริงที่ทำได้ เติบโตและเรียนรู้ต่อไปนะตัวฉัน
         การที่มนุษย์คนหนึ่งเกิดมานั้น มนุษย์ทุกคนล้วนเริ่มต้นจากศูนย์ ไม่มีคนไหนเกิดมาแล้ว พูดภาษาอังกฤษได้ ทำอาหารได้ ทุกคนล้วนต้องเรียนรู้ และฝึกฝน อยู่กับสิ่งนั้นนานๆ จึงจะชำนาญ บางคนอาจจะเรียนรู้ได้ไว บางคนอาจจะต้องใช้เวลา บางคนอาจจะประสบความสำเร็จในเวลาอันสั้น บางคนยังรอคอยความสำเร็จอยู่ ทั้งหมดคือเรื่องธรรมดาที่ทุกคนพบเจอในชีวิตของแต่ละคน
        สวัสดีค่ะดิฉัน นางสาวกัลยกร ภูผาธรรม กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขา ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารนานาชาติ (Bachelor of Arts Program in English for international Communication (International Program) ) 



ทำไมถึงชอบดนตรีและร้องเพลง ?
        ต้องขอเล่าย้อนกลับไปตอนสมัยชั้นประถมศึกษา ตอนเด็กเห็นพี่สาวเรียนไวโอลิน ก็รู้สึกอยากเล่นตามพี่ (น่าจะเป็นปกติที่ น้องอยากทำตามพี่) เลยได้มาเรียนไวโอลินก่อนเริ่มแรก แต่"เส้นทางก็ไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบ"เท่าไหร่ กว่าจะเล่นได้ในแต่ละเพลง กว่าจะเข้าใจจังหวะ กว่าจะนับจังหวะ และเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ไม่ง่ายเลยค่ะแต่ด้วยที่ สังคมเพื่อน พี่ๆ คุณครูที่โรงเรียนสอน ให้ความรู้สึกเหมือนครอบครัว คอยให้กำลังใจกัน คอยเป็นพลังบวกให้ เลยผ่านอะไรมาหลายอย่างได้อย่างราบรื่น นั่นเป็นความทรงจำในสมัยเด็กที่ยากจะลืม ในระหว่างที่เรียนไวโอลิน ก็จะมีคลาสเล็กๆ ที่ให้ร้องเพลงเล่นๆ 



        เลยได้ลองร้อง แต่ด้วยตอนนั้นเป็นเด็กขี้อายมาก เลยร้องเบาๆ เพราะเขิน หลังจากนั้นก็เริ่มรู้ตัวเองว่าสนใจในการร้องเพลงค่ะ แต่ก็ไม่มั่นใจในเสียงของตัวเองเท่าไหร่ เลยไม่ได้จริงจังกับมันมาก จะร้องที่บ้านคนเดียว กับร้องให้พี่สาวฟังซะส่วนใหญ่ (ร้องจนพี่สาวรำคาญ จนชินหูไปแล้ว) เคยลองขอเรียนร้องเพลงดูแล้ว แต่ด้วยค่าเรียนอาจจะแพง และอาจจะไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นเลยไม่ได้เรียน เลยเรียนแต่ไวโอลินไปเรื่อยๆ จนถึง ชั้นประถมที่ 6 ก็ได้เลิกเรียนเพราะขึ้นชั้นมัธยม ในช่วงนั้นก็ยังร้องเพลงคนเดียวทุกๆ วันเลย ไม่มีวันไหนไม่ร้อง แต่ก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองชอบร้องเพลง เหมือนว่าเราแอบซ่อนความชอบการร้องเพลงไว้ในหีบที่ลึกที่สุดในหัวใจ เพื่อหลอกตัวเองว่าเราไม่ชอบการร้องเพลง จนกระทั่งในช่วงโควิด ด้วยความที่เรียนออนไลน์ จึงมีโอกาสได้เรียนอยู่บ้านทุกวัน ตนเองรู้สึกเบื่อมากเลย เลยลองตามวงเคป็อปวงหนึ่ง ซึ่งตามได้สักพัก ตนเองมองเห็นศิลปินบนเวที ร้องเพลงให้คนฟังนับหมื่นคน ณ ตอนนั้นเหมือนทุกอย่างรอบข้างของตนเองหยุดไปชั่วขณะ ตนเองจึงนั่งมองภาพคอนเสิร์ต และแสงไฟที่มาจากที่นั่งคนดูนับหมื่น  เป็นภาพที่สวยงดงาม แลัสวยงามมาก  ในตอนนั้นอยู่ๆ ก็มีกุญแจมาไขหีบใบนั้นในหัวใจเล็กของตนเอง เหมือนปลดล็อคอะไรสักอย่างออกมา



          และในตอนนั้น ตนเองยอมรับว่าชอบการร้องเพลงมาก จากนั้นจึงมีการฝึกร้องเพลงตาม Youtube  แต่ด้วยความที่เป็นคนเข้าใจยากเลยไม่ได้พัฒนาอะไรมาก จนมาถึงช่วงเข้ามหาลัยตนเองเลือกที่จะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในระหว่างรอเปิดเทอม มีโอกาส "ร่วมเล่นไวโอลินใน วงออร์เครสตรา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในคอนเสิร์ตลำเพลิน ISAN ORCHESTRA " เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ในชีวิต ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวง ขอขอบคุณครูดาว มีเดียร์ คิดส์ ที่ชวนไปเล่น และขอบคุณอาจารย์ด้วง วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ที่ให้โอกาสอันยิ่งใหญ่กับตนเอง  ที่มีโอกาสได้ร่วมวงเล่นไวโอลินในงานวันคริสต์มาส  งานพิธีไหว้ครูของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ดี ในรั้วมหาวิทยาลัย   


 
      หลังจากเป็นนิสิตปี 1 ได้สักพัก ก็เริ่มเก็บเงินเพื่อจะเรียนร้องเพลงเองค่ะ พอเก็บครบแล้วก็ขอพ่อแม่ไปเรียนค่ะ ตอนขอก็หวั่นใจเล็กน้อย แต่ก็ผ่านมาด้วยดี เริ่มเรียนครั้งแรก ราวฟ้ากับเหว ทุกอย่างที่เราจินตนาการไม่เหมือนความจริงสักนิดเลย ด้วยความที่การร้องเพลง ต้องใช้ความรู้สึก ในการเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ใช้เวลานานกว่าคนอื่นค่ะ ก็มีบางครั้งที่รู้สึกแย่มากค่ะ ถึงกับอยากเลิกเรียน แต่ก็ลองคุยกับตัวเองอย่างจริงจัง ก็รู้ว่า กู็รู้ดีว่าหัวใจตนเองไม่ยอมแพ้ ถึงจะใช้เวลาเรียนรู้กับการร้องเพลงนานกว่าคนอื่น แต่ในระหว่างที่เรียนรู้นั้น ตนเองมีความสุขมาก เวลาต่อมา มีโอกาสร่วมร้องประสานสียงใน วง MSU CHORUS เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก มีอาจารย์ เพื่อน พี่น้อง ที่น่ารัก และเสียงเพราะกันทุกคนเลย ถือเป็นอีกประสบการณ์ให้ตนเองได้เรียนรู้ อาจจะร้องถูกบ้างผิดบ้าง แต่เป็นบทเรียนที่ดีอีกบทหนึ่ง และถ้ามีโอกาสได้ร่วมร้องเพลง หรือเล่นไวโอลินอีก จะทำให้เต็มที่ ขอขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุน และคอยให้โอกาสตนเอง ดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในงานทุกงาน 😊



สิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ ฝึกฝน และความผิดพลาด
            มีหลายคนบอกกับตนเองว่าดีจัง เก่งจัง เก่งทุกอย่างเลย ทำได้ทุกอย่าง เป็นคนคนมีพรสวรรค์ แต่ความจริงแล้ว กว่าตนเองจะเดินทางมาเป็นตัวเองจนถึงปัจจุบันนี้ ผ่านอะไรมามากมาย โดยส่วนตัวเป็นคนกลัวความผิดพลาดมาก เราไม่เคยจะอนุญาตให้ตัวเองผิดพลาดเลยสักครั้ง เลยไม่ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ตนเองเพิ่มมีโอกาสผิดพลาด ก็เมื่อขึ้นชั้นปี 1  จึง"ได้มีการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และ ทำให้ตัวเองได้เติบโต" ความผิดพลาดอาจจะเป็นเรื่องหน้าอาย ไม่น่าจดจำ   แต่สิ่งที่ได้มาจากความผิดพลาดนั้นคือ บทเรียน และตัวเราที่เติบโต และเรียนรู้จากความผิดพลาดได้อย่างดีเยี่ยม เพราะทุกคนบนโลกนี้ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาด เราต้องอนุญาตให้ตัวเราผิดพลาด เราถึงจะเติบโต 😊



อยากเชิญชวนเพื่อนๆ ให้โอกาสตัวเองในการทำสิ่งใหม่ๆ และก้าวออกจาก comfort zone
            " การก้าวออกจาก comfort zone ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ตนเองเข้าใจ แต่เมื่อเราก้าวออกมาได้แล้ว เราจะเจอกับโลกใบใหม่ไม่ต้องเป็นก้าวที่ใหญ่มาก เป็นก้าวเล็กๆ ในแต่ละวัน" เราจะเริ่มเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองทำในสิ่งที่ท้าทายมากขึ้น เรามีชีวิตแค่ชีวิตเดียว เราเป็นเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ แค่ครั้งเดียว เราไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีก เพราะฉะนั้นเราลองทำในสิ่งที่หัวใจเราเรียกร้องดูกัน "ลองฟังเสียงหัวใจตัวเอง" ดูสักครั้ง พูดคุยกับตัวเองดูสักครั้ง เราอาจจะฟังเสียงคนรอบข้างมากจนเกินไปจนลืมฟังเสียงหัวใจของเราเองที่มันเรียกร้องเราอยู่ก็เป็นได้ ไม่มีอะไรที่สายเกินไปในการให้โอกาสตัวเอง
"เรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดพลาดเพื่อให้ตัวเราก้าวต่อไปได้" จงเติบโตและก้าวต่อต่อไปให้ถึงฝัน  มีอีกหลายสิ่งบนโลกนี้ที่พร้อมจะให้เราได้เรียนรู้อยู่ อย่ารอให้โอกาส และช่วงเวลาเหล่านั้นหลุดมือไปนะคะ Let’s begin your journey. Give yourself a chance to become a better version of yourself so Get up & Go guys! 



Author

ผู้เรียบเรียง : สินีนาฎ พรั่งพร้อมกุล
Email : sineenard.p@msu.ac.th
หมายเลขติดต่อภายใน : 0-4375-4315 (ภายใน) 1722

ภาพประกอบบทความ

  :   สินีนาฎ พรั่งพร้อมกุล/กราฟิก:คุณปิยะฉัตร ธนภัทรธุวานันท์

Related Posts