หัวใจจิตอาสา ว่าที่ร้อยตรีอาทิตย์ อนุสรณ์ ...
“ทำความดีด้วยหัวใจ เพราะพลังของการให้..ไม่มีที่สิ้นสุด”
จิตอาสา จิตแห่งการให้ความดีงามทั้งปวงแก่เพื่อนมนุษย์ โดยเต็มใจ สมัครใจ พร้อมจะเสียสละเวลา แรงกาย และสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์ ในการทำกิจกรรม หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน มีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น และกิจกรรมจิตอาสายังเป็นกระบวนการกระตุ้นให้คนเกิดการเรียนรู้ สาร MSU ONLINE จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ บุคลากรของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้ซึ่งมีบทบาทในการทำงานกิจกรรมจิตอาสามาเป็นเวลานาน ว่าที่ร้อยตรีอาทิตย์ อนุสรณ์ “ หัวใจจิตอาสา ทำความดีด้วยหัวใจ เพราะพลังของการให้..ไม่มีที่สิ้นสุด” จะมาบอกเล่าเรื่องราว แบ่งปันประสบการณ์ ตลอดจนข้อคิดดีๆ ในการทำกิจกรรมจิตอาสา ตามเรามาเลยค่ะ
แนะนำตัวเอง
ชื่อ : ว่าที่ร้อยตรีอาทิตย์ อนุสรณ์ ชื่อเล่น โควต้า
สถานที่ทำงาน : งานพิธีการและกิจการพิเศษ กองกลาง สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม 44150 โทรศัพท์ 043-754443
การศึกษา : ปริญญาตรี สาขาดุริยางศิลป์ วิทยาลัยดุริยางศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปริญญาโท สาขาวัฒนธรรมศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
นอกเหนือจากงานในหน้าที่แล้ว ได้มีภารกิจในงานจิตอาสาต่างๆ ทำเกี่ยวกับอะไรบ้าง
ปฏิบัติหน้าที่เป็นจิตอาสา 904 รหัส ก-387 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในการประสานงานและดำเนินกิจกรรม ร่วมกับศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน 904 จังหวัดมหาสารคาม / จิตอาสา 904 กองทัพภาคที่ 2 / จิตอาสา 904 สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และ โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน ศูนย์อํานวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.จอส.พระราชทาน)
ภารกิจขับเคลื่อนและเผยแผ่งานด้านทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมสู่ชุมชน อนุรักษ์สืบสานประเพณีท้องถิ่นอีสาน และส่งเสริมพระพุทธศาสนา ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำงานจิตอาสา
การทำงานในด้านจิตอาสาของผมนั้น มี Idol ที่เป็นแรงจูงใจและเป็นตัวอย่างตั้งแต่เด็กคือ คุณบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ที่ไปช่วยเหลือสังคมตามที่เห็นทางสื่อโทรทัศน์ ผมเห็นรอยยิ้มของผู้ให้และผู้รับ ดูแล้วมีความสุข เป็นแรงบันดาลใจ และเป็นตัวอย่างในการทำความดีเพื่อช่วยเหลือคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ผมถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ มีพ่อแม่ ครูอาจารย์ ที่คอยแนะนำอบรมสั่งสอนอยู่ตลอดเวลา ว่าให้เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ มีโอกาสช่วยเหลือผู้ที่ลำบาก ผมเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่เติบโตท่ามกลางครอบครัวที่มีใจรักด้านศิลปวัฒนธรรมอีสาน คือการแสดงดนตรีและหมอลำ บางครั้งไม่มีค่าจ้าง ก็ต้องเสียสละไปช่วยชุมชนตามงานบุญในหมู่บ้าน เห็นความสนุกสนานของชาวบ้านลุกขึ้นมาฟ้อนรำ ก็มีความสุขตามไปด้วย ถ้าพูดถึงในจุดเริ่มต้นของจิตอาสานั้น ก็คงจะเน้นในช่วงเรียนในระดับมัธยม และมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วนั้นในช่วงที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับเพื่อนนิสิตในการจัดทำกิจกรรม/โครงการในด้านช่วยเหลือสังคม ซึ่งสอดคล้องกับ อัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยที่ว่า “นิสิตกับการช่วยเหลือสังคมและชุมชน” ได้รับหน้าที่เป็นประธานดำเนินการจัดโครงการเผยแผ่ศิลปวัฒนธรรม (ดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน) โครงการทางด้านจิตอาสา ช่วยเหลือและพัฒนาสังคม ตลอดระยะเวลาที่ศึกษาในรั้วของมหาวิทยาลัยเรียกได้ว่ากิจกรรมไม่เคยขาด จะต้องมีงานอยู่ตลอดเวลา เวลาว่างต้องชวนเพื่อนๆน้องไปทำกิจกรรมจิตอาสาช่วยเหลือสังคม จนกระทั่งจบการศึกษาและมีโอกาสได้บรรจุรับราชการที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สิ่งที่ภูมิใจในการทำงานด้านจิตอาสามากที่สุดคือ ผมได้รับการเสนอชื่อจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกฝึกหลักสูตรจิตอาสา 904 ทั่วประเทศ จากทางโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงจากทุกกระทรวง และเมื่อจบหลักสูตรออกมาแล้วจะต้องนำความรู้ที่ผ่านการอบรม มาขับเคลื่อน และดำเนินงานด้านจิตอาสาในสถาบันการศึกษาของตนเอง และทางมหาวิทยาลัยฯ ได้มอบหมายหน้าที่ในการขับเคลื่อนงานด้านจิตอาสาช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติ ตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดโครงการ “จิตอาสา เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” หมายถึง ประชาชนทุกหมู่เหล่าทั้งในและต่างประเทศที่สมัครใจช่วยเหลือผู้อื่นยอมเสียสละเวลา แรงกาย แรงใจ และสติปัญญาใน การทำงานที่เป็นสาธารณประโยชน์ โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณฯ ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังพระปฐมบรมราชโองการที่พระราชทานในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” ซึ่งผมได้น้อมนำเอามาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อน และทำกิจกรรมด้านจิตอาสา ในระดับมหาวิทยาลัยฯ เพื่อช่วยเหลือสังคมจนถึงปัจจุบันนี้
งานจิตอาสา ต่างจากงานในหน้าที่อย่างไร
งานจิตอาสา คือ งานแห่งการให้ความดีงามทั้งปวงแก่เพื่อนมนุษย์ โดยเต็มใจ สมัครใจ อิ่มใจ ซาบซึ้งใจ ปีติสุข ที่พร้อมจะเสียสละเวลา แรงกาย และสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์ ในการทำกิจกรรม หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน และมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น
งานในหน้าที่ คือ กิจงานที่ต้องทำด้วย “ความรับผิดชอบ” โดยปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ให้ประสบความสำเร็จและเกิดความสุขในการทำงานนั้น และจะต้องเข้าใจในหน้าที่และความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อเพื่อนร่วมงาน ต่อผู้บังคับบัญชาและต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
ส่วนตัวของผมนั้นมองว่า งานจิตอาสาไม่ได้ต่างไปจากงานในหน้าที่เลย เพราะได้ตะหนักและนำเอาคุณธรรมพื้นฐานมาใช้ในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นความขยัน สื่อสัตย์ มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งเสียสละแรงกายช่วยเหลือและทำงาน ซึ่งทำให้ผลของงานประสบผลสำเร็จ
ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการทำงานจิตอาสา
ผมได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการทำงานจิตอาสา 3 ข้อหลักๆ ที่สำคัญสำหรับผม ได้แก่
ข้อที่ 1 เมื่อมาทำงานจิตอาสา ได้เรียนรู้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น พร้อมวิธีแก้ไขปัญหาให้สำเร็จ
ข้อที่ 2 ได้รู้จักคำว่าเสียสละ แบ่งปัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับ
ข้อที่ 3 ประสบการณ์ที่มีความสุขในชีวิต เคยเจอในสิ่งไม่เคยเจอ ได้ทำให้สิ่งไม่เคยทำ
มีเรื่องประทับใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ
กิจกรรมจิตอาสาที่ทำมาทุกกิจกรรม ล้วนมีเรื่องประทับใจ เพราะมีความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ เราได้เห็นรอยยิ้มของสังคม ต้องบอกเลยว่าทั่วภาคอีสานที่เดินทางไปทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ ช่วยเหลือน้ำท่วม ไฟไหม้ มอบผ้าห่มกันหนาว พัฒนาสังคม เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมให้กับน้องๆนักเรียน ทุกกิจกรรมที่ไปล้วนแล้วได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ใจดี ทั้งทุนสนับสนุนกิจกรรมและทรัพยากรบุคคล ความภาคภูมิใจและประทับใจมากที่สุดต้องยกให้ทุกคนที่มีส่วนช่วยเหลือและทำกิจกรรม เราได้เครือข่ายจิตอาสามากยิ่งขึ้น เรามีส่วนชวนให้ผู้คนให้มาทำจิตอาสา ทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมต่างมีความสุข เห็นจากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ความประทับใจที่ได้เสียสละช่วยเหลือคนอื่น น้ำใจของทีมงานที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นี่คือความประทับใจที่พิเศษสุดๆสำหรับผม การไปทำกิจกรรมจิตอาสาของผมนั้น ภูมิใจอีกอย่างคือได้นำเอาวิชาชีพของตนเองที่เรียนมาไปช่วยพัฒนาและช่วยสร้างสรรค์สังคมให้มีความสุข คลายทุกข์ ผมเรียนจบทางด้านดนตรีเมื่อมีโอกาสไปจัดกิจกรรมเราได้นำพาน้องๆที่มีความสามารถทางด้านดนตรีและการแสดงไปสร้างสีสันให้กับชุมชนและสังคมอยู่ตลอดเวลา จนทำให้กล่าวขานว่า จิตอาสา มมส ไปไหนจะต้องมีหมอลำ มีดนตรีไปด้วย เราทำงานเหน็ดเหนื่อยมา เราก็มีดนตรีเป็นเพื่อนคลายความเหนื่อยล้า สร้างความสุขให้กับชาวจิตอาสาอยู่ตลอดเวลา นิสิตที่มาเป็นจิตอาสากับผม ต้องยอมรับว่าเก่งจริงๆเก่งทุกด้าน เป็นงานเป็นการ ความเสียสละเกินร้อย ทุกคนสามารถแก้ไขปัญหาได้ เมื่อจบออกไปทุกคนสามารถไปเป็นผู้นำให้กับชุมชนบ้านเกิด และช่วยพัฒนาบ้านเกิดได้อย่างแน่นอน
งานจิตอาสา เป็นงานที่ต้องเสียสละ เป็นผู้ให้ สิ่งที่เราได้กลับมาคืออะไร
1. ความปีติยินดีเกิดขึ้นในตัวเอง สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ ที่ได้เป็นผู้ให้ เพิ่มรสชาติและสีสันให้กับชีวิต
2. ได้ประสบการณ์ในการใช้ชีวิต เป็นกำไรชีวิตที่ภาคภูมิใจ ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ
3. การพัฒนาตนเอง ได้ตระหนักถึงคุณธรรมพื้นฐาน เช่น มีความเสียสละ ซื่อสัตย์ มีน้ำใจ และมีความสามัคคี
4. การทำประโยชน์แก่ส่วนรวมมากกว่านึกถึงประโยชน์ส่วนตน สังคมน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
5. ทีม / เพื่อนใหม่ที่ช่วยกันสร้างสังคมให้น่าอยู่ พร้อมได้ส่งต่อความรักให้กับผู้อื่น
หลายคนอยากทำงานจิตอาสา จะเริ่มต้นอย่างไร
จิตอาสาเริ่มต้นที่ตัวของเราเอง เริ่มจากการถามใจตัวเองก่อนว่า พร้อมหรือไม่ ที่จะสละเวลาส่วนหนึ่งของชีวิตมาช่วยเหลือสังคม โดยไม่หวังผลตอบแทน บางคนอาจคิดว่าเราเป็นจิตอาสาไม่ได้ เพราะเราไม่มีเวลา ไม่มีทักษะ ที่จะไปช่วยเหลืออะไรใครได้ แต่จริงๆ แล้วมันขึ้นอยู่ที่ตัวเราว่าเราจะทำหรือไม่ อยากเห็นสังคมดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น คุณต้องคิดแล้วลงมือทำ และที่สำคัญคือต้องมีความหวังกับตนเอง ว่าเราเป็นคนที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม และชีวิตเราเองได้
ข้อคิดในการดำเนินชีวิต
จงทำดีทุกครั้งที่มีโอกาส อย่าไปกลัว อย่าไปอาย ขอให้ระลึกว่าความดีนั้นทำได้ทุกโอกาส ทุกเวลา และทำได้ตั้งแต่วินาทีนี้เลย “ การทำความดี เสียสละช่วยเหลือผู้อื่น มีโอกาสทำไปเรื่อยๆ อย่าหยุดทำ แต่ต้องพึงระลึกอยู่ตลอดเวลาว่า ทำดีและช่วยเหลือเท่าที่ตนเองทำได้ และไม่ลำบากตนเอง"
อยากให้ฝากข้อความให้กำลังใจจิตอาสาทุกๆ คน
ความเป็นจิตอาสา ถือได้ว่าเป็นการทำบุญอีกอย่างหนึ่ง ที่จะต้องเสียสละแรงกายแรงใจช่วยเหลือคนอื่น มีความเชื่อว่าการทำบุญเป็นสิ่งที่ดี และทำให้จิตใจของเรานั้นดีตามไปด้วย ดังนั้นการทำบุญโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน จึงเป็นสิ่งที่สร้างความรู้สึกที่ดีให้กับตนเองได้มากที่สุด ทำบุญแล้วอย่าไปคิดว่าเสียดาย เพราะการทำบุญในเรื่องของจิตอาสาคือการให้การเสียสละอย่างแท้จริง โดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ และมันก็จะทำให้จิตใจของเรานั้นเป็นสุข และได้บุญได้กุศลอย่างเต็มที่ จิตอาสาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรามีความตระหนักว่าเราเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เพราะฉะนั้นจิตอาสาไม่ได้มีความหมายแค่ว่า การช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการช่วยเหลือส่วนรวม ซึ่งเกิดจากความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย