เรียน-ทำงานหน้า “คอมพิวเตอร์” อย่างไร ไม่ให้เสียสายตาไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่ออฟฟิศ หรือที่บ้าน รวมไปถึงวัยเรียนที่นักเรียนหลายคนยังคงเรียนผ่านออนไลน์กันอยู่ แล้วยังมีกิจกรรมผ่อนคลายหลังเลิกเรียน เลิกทำงาน ด้วยการท่องโลกของโซเชียล อินเตอร์เน็ต เล่นเกม ดูหนังดูซีรีส์กันอีก ดังนั้นสายตาจึงต้องเผชิญกับแสงสีฟ้าสะสมต่อเนื่องเป็นเวลานานจึงทำให้คนไทยมีปัญหาสายตามากขึ้นกว่าเดิม
    การที่กิจกรรมส่วนใหญ่ของเรามักจะจับเจ่าอยู่กับหน้าคอมพิวเตอร์ มือถือ แท็บเล็ต เป็นเวลานานและต่อเนื่อง อาจจะส่งผลต่อสุขภาพสายตา เช่น ตาล้า ตาแห้ง แสบตา ตาสู้แสงไม่ได้ ปวดศีรษะ ปวดคอ บ่า ไหล่ หรือที่เรียกกันว่าอาการ Computer Vision Syndrome ได้ ที่สำคัญและน่าห่วงมากคือ แสงสีฟ้า (Blue Light) ซึ่งเป็นคลื่นแสงพลังงานสูงจากหน้าจอต่างๆ นั้น จะทำให้กลายเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมได้หากไม่ดูแล เพราะฉะนั้นช่วงนี้ผู้ที่ใช้สายตาหนักๆ ควรปฏิบัติตามเคล็ดลับรักษาสุขภาพตาเหล่านี้ดู อยากรู้ตามมาดูกันค่ะ



พักสายตาด้วยสูตร 20
    อย่างที่ทราบกันดีว่า เมื่อเราจ้องจอนานๆ จะทำให้สายตาของเราเกิดอาการเมื่อยล้า ตาแห้ง เพราะเราจะกะพริบตาน้อยมาก เมื่อจ้องดูสิ่งที่เราสนใจ ซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้เราเกิดอาการแสบตา ปวดตา น้ำตาไหลได้ ดังนั้นเราควรที่จะหมั่นพักสายตาระหว่างใช้หน้าจอ ด้วยหลัก 20 – 20 – 20 คือ การละสายตาและมองไกลออกไประยะ 20 ฟุต ในทุกๆ 20 นาที เป็นเวลา 20 วินาที ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าของสายตาเราได้ หรือเมื่อต้องทำงานนานๆ อาจจะลุกขึ้นไปทำกิจกรรมอื่นๆ เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง

ปรับระยะสายตาด้วยสูตร 25
    ในเมื่อเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือเรียนออนไลน์หน้าจออยู่ตลอด การปรับระยะห่างระหว่างสายตากับหน้าให้เหมาะสมจะช่วยเซฟดวงตาเราได้ โดยขั้นต่ำอย่างน้อยต้องอยู่ห่างจากสายตาของเราประมาณ 25 นิ้ว และอาจจะติดฟิล์มที่ช่วงกรองแสงสีฟ้าที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และมือถือ แท็บเล็ต เพื่อช่วยลดแสงที่จะมากระทบดวงตาของเราด้วย

จัดการสภาพแวดล้อม
    เมื่อเราต้องทำงานหรือเรียนออนไลน์อยู่ในห้องเป็นระยะเวลานาน การจัดการกับสภาพแวดล้อมจะช่วยลดผลกระทบต่อแสงจากหน้าจอต่อสายตาของเราได้ โดยเราต้องไม่ลืมที่จะปรับแสงสว่างภายในห้องไม่ให้มืดเกินไป และแสงหน้าจอก็ไม่ควรปรับให้สว่างจ้ามากเกินไป รวมถึงบรรยากาศรอบข้าง ไม่ควรนั่งบริเวณที่มีลมจากพัดลมหรือแอร์พัดโดนบริเวณดวงตาเพราะอาจทำให้ตาแห้งได้ หากเกิดอาการตาแห้งสามารถใช้น้ำตาเทียมที่มีคุณภาพเข้ามาช่วยลดอาการระคายเคืองดวงตาได้

หมั่นเติมโภชนาการ
    การดูแลสุขภาพจากภายนอกด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นสิ่งที่สำคัญ พอๆ กับการดูแลจากภายในด้วยหลักโภชนาการในการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะสารอาหารเพื่อการดูแลสุขภาพดวงตา ที่มาจากพืช ผัก ผลไม้จากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ ซี อี เบต้าแคโรทีน ดีเอชเอ แอนโธไซยานิน ลูทีน ซีแซนทีน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปกป้องสายตา และยังช่วยในการชะลอความเสื่อมดวงตาได้ด้วย 

    ที่สำคัญแม้จะมีโภชนาการที่ดีเพียงใด ก็ควรที่จะไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวัดสายตาและตรวจสุขภาพดวงตาอย่างสม่ำเสมอด้วย
    ดวงตาของเรามีคู่เดียว และเป็นอวัยวะที่สำคัญที่ช่วยในการมองเห็น ทำให้การใช้ชีวิตของเราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น หากดวงตาของเรามีปัญหาก็จะทำให้ทัศนวิสัยการมองลดลง ก็จะทำให้เกิดอุปสรรคต่างๆ เกิดขึ้นในชีวิตอีกมากมาย ดังนั้นการใส่ใจดูแลอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ อย่าปล่อยให้มีปัญหาค่อยรักษาเพราะอาจจะสายเกินไป

https://www.sanook.com/health/30797/

Author

ผู้เรียบเรียง : จุฑามาศ ภิญโญศรี
Email : jutamas.p@msu.ac.th
หมายเลขติดต่อภายใน : 0942915414

ภาพประกอบบทความ

  :   กราฟิก : ปิยะฉัตร ธนภัทรธุวานันท์

Related Posts