&nb..." />
แม้จะใกล้หน้าหนาวแล้ว แต่ช่วงนี้กลับมีฝนตกบ่อยครั้ง หนักบ้าง เบาบ้าง ทำให้ถนนบางจุดมีน้ำท่วมขัง ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ผ่าน ซึ่งแม้จะเป็นเส้นทางที่ใช้อยู่เป็นประจำก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย วันนี้เราจึงมีเทคนิคสำหรับการขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำให้ปลอดภัยทั้งตัวเองและรถจักรยานยนต์คู่ใจ จะมีวิธีไหนบ้างไปหาคำตอบกันค่ะ
1. เช็กระดับน้ำก่อนขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำ
อันดับแรกคือการตรวจเช็กเส้นทางที่จะขับผ่านว่ามีระดับน้ำสูงแค่ไหน และควรประเมินสถานการณ์เบื้องต้น ซึ่งหากเป็นไปได้ควรใช้เส้นทางที่มีน้ำท่วมขังน้อยที่สุด เนื่องจากการขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านระดับน้ำที่มีความสูงเกิน 1 ฟุต จากตัวพื้นถนน จะส่งผลให้น้ำเข้าไปสร้างความเสียหายกับคาบูเรเตอร์ของมอเตอร์ไซค์ และตัวกรองอากาศได้ ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้มอเตอร์ไซค์ดับกลางคัน และอาจทำให้รถต้องแช่น้ำเป็นระยะเวลานาน จนทำให้เครื่องยนต์หรือระบบไฟฟ้าของรถพังได้
2. รถดับ ห้ามสตาร์ททันที
ระหว่างที่ขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำนานๆ แล้วเกิดปัญหารถดับกลางทาง ห้ามสตาร์ทรถทันทีหลังจากรถดับ ควรตั้งสติและเข็นรถมอเตอร์ไซค์ออกไปในพื้นที่แห้งหรือให้พ้นทางที่น้ำท่วมก่อน จากนั้นเช็กท่อไอเสียว่ามีน้ำเข้าหรือไม่ หากพบว่ามีน้ำเข้าให้รีบระบายน้ำออกก่อนแล้วค่อยสตาร์ทรถอีกครั้ง ซึ่งหากเป็นรถมอเตอร์ไซค์ประเภทออโตเมติก แนะนำว่าให้สตาร์ทด้วยเท้า เมื่อเครื่องติดแล้วให้เร่งเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องยนต์ให้มีความร้อนมากพอและกลับมาทำงานปกติจึงค่อยขับต่อไป
3. ไม่ควรขับรถด้วยความเร็ว
ฝนที่ตกลงมาไม่ว่าจะหนักหรือเบาก็สามารถทำให้ถนนลื่น เป็นช่วงที่รถมีโอกาสลื่นไถลและเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งตัวเราและผู้ร่วมทาง โดยเฉพาะการขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำที่ท่วมขังอยู่บนถนน ยิ่งต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยจึงไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูง แต่ควรใช้ความเร็วในระดับที่พอดี เพื่อให้สังเกตเห็นพื้นถนนได้ชัดเจน เพราะขณะขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำคุณอาจเจอทั้งหลุม โคลน เนินหลังเต่าหรือพื้นถนนที่ไม่เรียบ หากวิ่งมาด้วยความเร็วสูงอาจทำให้รถเสียหลักและเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
4. เบรกรถเป็นระยะๆ
สำหรับการขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านขณะที่มีน้ำท่วมขังบนพื้นถนน ควรที่จะเบรกรถโดยย้ำเบรกถี่ๆ เป็นระยะ เพราะผ้าเบรกนั้นสามารถดูดซับน้ำได้ หากขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำไปเรื่อยๆ อาจทำให้เบรกได้รับความเสียหายและขัดข้อง และเบรกรถไม่อยู่จนเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเบรกรถเป็นระยะๆ ขณะขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำ เพื่อเป็นการไล่น้ำและป้องกันเบรกลื่น
5.อย่าดับรถทันที หลังจากถึงจุดหมาย
หากไม่อยากให้รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจมีปัญหา โดยเฉพาะมือใหม่สายลุย เมื่อขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านน้ำท่วมขังมาจนถึงจุดหมายแล้ว อย่าเพิ่งดับเครื่องยนต์ทันที เพราะการที่เราเพิ่งขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำมา อาจทำให้น้ำยังตกค้างอยู่ในท่อไอเสียได้ หากเราดับเครื่องยนต์ทันทีจะทำให้ท่อไอเสียเกิดสนิมหรือผุกร่อนได้ จึงควรสตาร์ทรถทิ้งไว้ก่อน เพื่อให้น้ำในท่อไอเสียระเหยออกไปให้หมดก่อน นอกจากนี้ยังเป็นการรักษาเครื่องยนต์และท่อไอเสียให้มีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น
หลังจากขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำแล้ว สิ่งที่ต้องทำและตรวจเช็กมีอะไรบ้าง
1.ตัวกรองอากาศ
หลังจากที่ขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำมา อาจทำให้หม้อกรองอากาศมีน้ำหลงเหลืออยู่ หากมีความรู้และความชำนาญมากพอควรรีบถอดหม้อกรองอากาศออกมาทำความสะอาด เพราะหากทิ้งไว้นานโดยที่ไม่ได้ตรวจเช็กและทำความสะอาด อาจทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์ได้
2.หัวเทียน
หัวเทียนเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่เป็นเหมือนหัวใจของรถมอเตอร์ไซค์ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องทำความสะอาด เพื่อไล่ความชื้นหลังจากขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านจุดน้ำท่วมขังมา พร้อมกับตรวจเช็กที่ปลั๊กหัวเทียนว่ามีน้ำขังหรือไม่ หากมีให้นำไปเป่าและเช็ดให้แห้ง การเป่าลมจะช่วยไล่น้ำออกได้อย่างรวดเร็ว
3.โซ่
เพราะโซ่เป็นส่วนที่สัมผัสน้ำอยู่ตลอด หลังจากขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำเป็นเวลานาน อาจทำให้โซ่แห้งและเสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้งานได้ เนื่องจากสารที่เคลือบอาจหลุดไปกับน้ำแล้ว จึงควรรีบหยอดน้ำมันอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นการถนอมโซ่และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน และเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ครั้งต่อไปอีกด้วย
4.น้ำมันเครื่อง
ไม่ว่าน้ำจะท่วมสูงหรือไม่ก็มีโอกาสเข้าไปในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้ จึงควรตรวจเช็กน้ำมันเครื่องให้ละเอียดอีกครั้งหลังจากขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำมา โดยสังเกตที่ช่องระดับ หรือจะเปิดจุกตรงที่เติมน้ำมันเครื่องตรวจสอบดูก็ได้ว่ามีสีขาวขุ่นหรือไม่ หากมีสีขาวขุ่นควรที่จะเปลี่ยนทันที ถ้าสามารถเปลี่ยนเองได้หรือมีน้ำมันเครื่องสำรองเอาไว้ เพราะหากปล่อยทิ้งเอาไว้นานอาจทำให้ห้องเครื่อง
5.เบรก
นอกจากชิ้นส่วนอื่นๆ แล้ว ระบบเบรกเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ควรตรวจเช็กอย่างละเอียด โดยหลังจากขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงจุดหมายแล้ว ควรถอดผ้าเบรกออกมาทำความสะอาดและไล่น้ำ โดยการเป่า หากไม่ไล่น้ำออกให้หมด อาจทำให้เบรกไม่อยู่ หรือเวลาเบรกจะมีเสียงดังได้
6. ถังน้ำมัน
ปิดท้ายกันที่การตรวจเช็กถังน้ำมัน ไม่ว่าจะโดนน้ำท่วมเกือบครึ่งคัน หรือในกรณีที่ขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำมาในระดับน้ำที่สูงจนเกินถังน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้น้ำหลุดลอดเข้าไปในตัวถังได้ สิ่งที่ควรทำและวิธีการเช็กเบื้องต้นคือ ให้ลองสตาร์ทรถแล้ว สังเกตอาการว่ามีอาการสะดุดและดับหรือไม่ หากรถมีอาการเหล่านี้ให้รีบนำ รถจักรยานยนต์เข้ารับบริการตรวจเช็กที่ศูนย์บริการที่สะดวก โดยเร็วเพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด เพราะหากฝืนขับต่อไปดีไม่ดีอาจทำให้เครื่องยนต์ภายในพังได้
ถ้าจำเป็นต้องขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำหรือในช่วงหน้าฝน และต้องขี่ผ่านจุดที่มีน้ำท่วมขัง สิ่งที่สำคัญที่สุดและควรมีคือสติของผู้ขับขี่ รวมไปถึงรู้จักวิธีการขับขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ อีกทั้งควรตรวจเช็กสภาพรถหลังจากลุยน้ำมา เพื่อรักษาเครื่องยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น หวังว่าเทคนิคที่เรานำมาฝากกัน จะเป็นประโยชน์กับผู้ขับขี่ทั้งชำนาญและมือใหม่นะคะ
ที่มา : https://www.yamaha-motor.co.th/blog/detail?url=เมื่อต้องขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำ-สิ่งที่ต้องทำและตรวจเช็กมีอะไรบ้าง&cate=tip-amp-tricks