"การสื่อสารเพื่อสังคมไม่ใช่แค่การส่งสาร แต่คือการสร้างการเปลี่ยนแปลง" คำกล่าวนี้สะท้อนแนวคิดการทำงานของ วลัยลักษณ์ ชมโนนสูง ศิษย์เก่าคณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จากเส้นทางการศึกษาในสายนิเทศศาสตร์ วิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ สู่เวทีแห่งการทำงานที่ท้าทาย เธออุทิศเวลากว่า 14 ปีในการพัฒนาเครือข่ายนักสื่อสารพลเมือง ผลิตสื่อที่สะท้อนความเป็นจริงของสังคม และผลักดันวาระสำคัญที่ส่งผลต่อชุมชนและประเทศ ด้วยความทุ่มเทนี้ เธอได้รับรางวัล ศิษย์เก่าดีเด่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปี 2567 เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์แห่งความสำเร็จ อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอเลือกเส้นทางนี้? ประสบการณ์จากรั้วมหาวิทยาลัยส่งผลต่อเธออย่างไร? และเธออยากส่งต่อข้อคิดอะไรถึงรุ่นน้องที่กำลังเดินตามรอยเส้นทางแห่งการสื่อสาร? มาติดตามได้จากบทสัมภาษณ์พิเศษนี้ได้เลยค่ะ
แนะนำตัว
สวัสดีค่ะ นางสาววลัยลักษณ์ ชมโนนสูง (Walailuk Chomnonsoong) ชื่อเล่น เปีย จบการศึกษา หลักสูตรนิเทศศาสตร์บัณฑิต (นศ.บ.) วิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ เกียรตินิยม อันดับ 2 (พ.ศ.2552) คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ค่ะ
ปัจจุบัน : ทำงานในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่พัฒนาเครือข่ายอาวุโส สำนักเครือข่ายและการมีส่วนร่วมสาธารณะ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย Thai PBS
บอกเล่าความรู้สึกที่ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ขอบคุณคณะกรรมการคัดเลือกทุกท่านที่เล็งเห็นและกรุณาให้เกียรติมอบรางวัลที่ทรงคุณค่านี้ ตัวเองรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากและตระหนักดีว่า ตนเป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ รูปธรรมอันเป็นผลผลิตและนับเป็นทรัพยากรบุคคลที่ได้รับการบ่มเพาะหล่อหลอมจากรั้วมหาวิทยาลัยมหาสารคามจนสามารถยังประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และสาธารณะ อันเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณารางวัลครั้งนี้ ขณะที่ยังมีศิษย์เก่าอีกหลายพัน หลายหมื่นคน ที่มีศักยภาพและสร้างคุณูปการต่อสังคมชุมชนได้ไม่น้อยไปกว่ากัน การได้รับรางวัลครั้งนี้จึงเป็นกำลังใจในการทำงานและดำรงตนอย่างภาคภูมิค่ะ
อยากให้เล่าถึงประสบการณ์ทำงาน /ผลงานที่ผ่านมา
หลังเรียนจบได้มีโอกาสทำงานที่ตรงสายวิชาชีพที่ไทยพีบีเอสเป็นองค์กรแรกและองค์กรเดียว ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2554 จนถึงปัจจุบันกว่า 14 ปี ซึ่งการทำงานในองค์กรสื่อสาธารณะแห่งเดียวของไทยและในอาเซียน ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจอย่างมาก เพราะสื่อสาธารณะมีแนวทางปฏิบัติของสายวิชาชีพและเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนว่าจะมุ่งสร้าง “สังคมที่เป็นธรรม” ในทุกมิติ
และจากการที่ทำงานในส่วนของการพัฒนาเครือข่ายนักสื่อสารพลเมือง หรือการเชื่อมั่นใจพลังของประชาธิปไตยในการสื่อสารทำให้การผลิตสื่อ การขับเคลื่อนประเด็นทางสังคม ไม่ต้องกังวลถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ แต่ที่สุดคือการคำนึงถึงประโยชน์ของสาธารณะและการพัฒนาชุมชนสังคม การสะท้อนและการเปิดพื้นที่ให้เสียงคนตัวเล็กตัวน้อยมีพื้นที่ในการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์ม “นักข่าวพลเมือง”
เหล่านี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเรียนรู้ และการทำงานตลอดที่ผ่านมา ภายใต้ภารกิจหน้าที่อันหลากหลาย ได้แก่ การควบคุมการผลิตรายการฟังเสียงประเทศไทย รายการคุณเล่าเราขยาย รายการอนาคตประเทศไทย รายการนักข่าวพลเมืองกองบรรณาธิการ Locals Thai PBS รวมถึงวิทยากรและอาจารย์พิเศษการผลิตสื่อพลเมือง งานสารคดีเชิงข่าว การผลิตสื่อออนไลน์
ซึ่งนั่นเป็นส่วนสำคัญที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลง การขับเคลื่อนวาระทางสังคมจากท้องถิ่นให้ถูกรับรู้ และนำไปสู่การแก้ไขระดับต่าง ๆ แตกต่างกันไป เช่น การสร้างนักสื่อสารหน้าใหม่เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในระบบนิเวศการสื่อสารสาธารณะอันมีส่วนสร้างนักสื่อสารมวลชนที่รู้ร้อนรู้หนาวกับสถานการณ์ทางสังคม การเป็นส่วนหนึ่งในการเปิดพื้นที่สื่อสารประเด็นเหมืองแร่โปแตช เหมืองแร่ทองทำ หรือเหมืองหินในภาคอีสาน ประเด็นทรัพยากรผลกระทบแม่น้ำโขงเพื่อสะท้อนสถานการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้น และสร้างการมีส่วนร่วมตัดสินใจในการพัฒนาต่าง ๆ
รวมถึงการร่วมเป็นกลไกในการสร้างระบบนิเวศสื่อสาธารณะท้องถิ่นร่วมกับเครือข่ายศูนย์สื่อสร้างสรรค์เพื่อสาธารณะร่วมกับสถาบันการศึกษา ทั้งมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เพื่อหนุนเสริมการทำงานเพื่อบริการชุมชนในหลายลักษณะ
โดยตลอดการทำงานที่ผ่านมา ยังมีโอกาสได้รับรางวัลจากหน่วยงานต่าง ๆ อันเป็นกำลังใจสำคัญของเราและทีมงาน ได้แก่
พ.ศ. 2556 รายการเด็กมีเรื่องได้รับคัดเลือกเข้ารับรางวัลประชาธิบดีเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่น
ประจำปี 2556
พ.ศ. 2556 รายการสารคดีทางผ่านของบีระ ชีวิตไร้รากของเด็กเร่ร่อน ได้รางวัลสื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน ปี 2556 ประเภทสื่อโทรทัศน์ระดับชาติ
พ.ศ. 2561 รายการอยู่ดีมีแฮงรับโล่ประกาศเกียรติคุณสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
พ.ศ.2562 รายการอยู่ดีมีแฮงรับโล่ประกาศเกียรติคุณรวมพลังสื่อสร้างสรรค์สังคมไทยประจำปี 2562(อีสาน)
พ.ศ.2562 รายการที่นี่บ้านเรารับโล่ประกาศเกียรติคุณรวมพลังสื่อสร้างสรรค์สังคมไทยประจำปี 2562 (เหนือ)
พ.ศ. 2565 ศิษย์เก่าดีเด่น สาขานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปี 2565
พ.ศ.2567 รายการฟังเสียงประเทศไทย และ เครือข่ายสื่อสาธารณะท้องถิ่น (ภาคอีสาน) รับรางวัล "สื่อสารเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่"
บอกเล่าถึงบรรยากาศระหว่างเรียน รวมถึงประสบการณ์ดีๆ เมื่อครั้งเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
พอย้อนนึกถึงสมัยเรียน มีหลายเรื่องราวที่ประทับใจมาก ๆ ทั้งครูอาจารย์ เพื่อน ๆ และบรรยากาศของการเรียนรู้ แต่หากจำเป็นต้องยกตัวอย่างให้เป็นรูปธรรม ขอเลือกเป็นการทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยทุกกิจกรรม นับเป็นการเรียนรู้ที่สร้างประสบการณ์ให้มีตัวตนแบบนี้ได้อย่างดี เพราะอย่างสาขานิเทศศาสตร์จะมีงานละครเวทีซึ่งตัวเองได้มีส่วนร่วมทั้งการเป็นนักแสดง ตั้งแต่เรียนปี 1 จนเป็นโปรดิวเซอร์ในปี 3 ซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับการสนับสนุนการจากอาจารย์และมหาวิทยาลัยในการทำกิจกรรม ไม่มีกรอบกำหนด ซึ่งมันช่วยให้นิสิตได้ลงมือทำ เพื่อน ๆ มีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกัน นั่นทำให้ได้มีประสบการณ์ตรงที่ประทับใจมาก ๆ ในทุกมิติ ทั้งการบริหารความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ การวางแผนงานร่วมกัน การบริหารคนอยู่ในนี้ทั้งหมด รวมถึงค่ายหัดบินที่มีโอกาสได้เป็นประธานค่าย และเป็นกิจกรรมรูปธรรมที่พาลงชุมชนไปเรียนรู้เรื่องราวท้องถิ่นและสื่อสารผ่านสื่ออย่างสร้างสรรค์ อันนี้มันสำคัญมาก ๆ ในการมีประสบการณ์เพิ่มเติมจากตำราเรียน
ทักษะที่ได้รับระหว่างเรียนในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นำไปปรับใช้ได้อย่างไรบ้าง
ทักษะอย่างน้อยจากการทำกิจกรรมอย่างน้อย 2 โครงการทั้งละครเวที และค่ายหัดบิน ก็ช่วยให้เราเข้าใจการทำงานร่วมกับผู้อื่นมากขึ้น การบริหารทีมงาน เพราะปัจจุบันเป็นหัวหน้างานที่มีน้องจบใหม่ ๆ เข้ามาทำงานด้วย เราก็จะเข้าใจมุมมองและพลังของเขาและเรามากขึ้น และอาจจะพอสร้างการมีส่วนร่วมในหลายลักษณะเพื่อบริหารและส่งเสริมพลังนั้น ๆ ของเขาให้ถูกทิศถูกทางและเป็นประโยชน์ร่วมกัน เพราะในสายการสื่อสารมวลชนจำเป็นต้องเชื่อมโยงกันทั้งการทำงานเป็นทีม และการลงพื้นที่ชุมชน
ความภาคภูมิใจในการเรียนมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
หนึ่งในความภาคภูมิใจที่เรียนและเป็นศิษย์เก่าที่นี่คือ เรามีปรัชญา "พหูนํ ปณฺฑิโต ชีเว" ที่บอกว่า ผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน นับเป็นกรอบแนวคิดและเป้าหมายที่ชัดเจนในการนำความรู้ที่มีไปรับใช้ชุมชนสังคม ซึ่งแม้บางครั้งอาจจะมองได้ว่ามีความหมายกว้าง ๆ แต่วันนี้ตัวเราเองมีนิยามในฉบับของเราแล้ว ว่าความรู้ของเราที่มี ศักยภาพของเราที่มี เราทั้งมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้สร้างเราที่เป็นคนนี้แบบนี้ ห้องเรียนที่นี่ เพื่อน ครูอาจารย์และความรู้ ทัศคติจากที่นี่คือความภาคภูมิใจของเรา
ข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิต
หลักการสำคัญในการดำเนินชีวิต คือ ไม่มีอะไรต้องกลัว ทุกอย่างจะสำเร็จหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับการลงมือทำ และถ้าทำด้วยความรักและความใส่ใจไม่มีอะไรให้เหนื่อย “ทำให้รู้ว่าเราทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้จะได้รู้ว่าเพราะอะไร แล้วเราปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น”
ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จ อยากให้ฝากถึงน้องที่ ๆ กำลังศึกษาอยู่
ช่วงเวลาในมหาวิทยาลัย เป็นช่วงเรียนรู้ที่ดีและสำคัญมาก ๆ อยากให้น้อง ๆ เปิดโอกาสให้ตัวเอง ใช้โอกาสนี้ในการทดลองทำสิ่งต่าง ๆ หาโอกาสหาประสบการณ์ในการเรียนรู้ “คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้” แต่สำคัญอีกอย่างที่ต้องคำนึงถึงควบคู่กันไปคือ ทุกการกระทำมีผลตามมาเสมอ ทั้งด้านบวกและด้านลบ อยากให้น้อง ๆ เชื่อมั่นในตัวเองและคิดอย่างรอบคอบ ถ้าคิดไม่ออกและยังไม่เชื่อมั่น เรามีอาจารย์ มีเพื่อน มีครอบครัวที่เขารักเราให้เราปรึกษาหารือกัน และพร้อมทั้ง รับผิด-รับชอบ เท่านี้เลย เพราะที่พูดมาคือพื้นฐานในการรับผิดชอบตัวเอง และนี่คือทักษะสำคัญของคนในโลกยุคนี้ที่องค์ต่าง ๆ มองหาคนแบบนี้ คนที่พร้อมเรียนรู้ และคนที่รับผิดชอบ
เชิญชวนน้องๆ มาเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
โลกปัจจุบันท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญอย่างมาก มากแบบที่เรารู้สึกและสัมผัสได้ สิ่งต่าง ๆ วิ่งออกมาจากส่วนกลางมุ่งมาที่ท้องถิ่น ที่ชุมชน ทั้งคน ทั้งการตลาด ทั้งโอกาส เพราะฉะนั้นสถาบันการศึกษาที่จะพาคุณออกเดินทางผ่านมุมมองทางสังคมได้กว้าง ได้ไกล และลงลึกในท้องถิ่นชุมชน เชื่อว่า ม.มหาสารคามเป็นหนึ่งในนั้น อยากให้น้อง ๆ มาเรียนรู้ มาเปิดโลก มาสนุกสนานด้วยกัน ที่นี่อบอุ่น และม่วนซื่นโฮแซวมาก อยากให้มาเป็นส่วนหนึ่งของเหลืองเทาที่นี่ค่ะ