ด้วยเส้นทางที่เริ่มต้นจากการเป็นเด็กกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย ทำให้ ว่าที่ ร.ต.ณัฐท์ศรันย์ ศิริกิจ ศิษย์เก่าสาขาสารสนเทศศาสตร์ คณะวิทยาการสารสนเทศ (เกียรตินิยมอันดับ 2) ได้เรียนรู้ในการเป็นผู้นำและการแบ่งปัน ความมุ่งมั่นที่ได้รับจากประสบการณ์ในกิจกรรมต่าง ๆ ไม่เพียงแต่สร้างทักษะที่มีคุณค่า แต่ยังหล่อหลอมให้เขาเป็นบุคคลที่พร้อมจะแบ่งปันความรู้และแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นอยู่เสมอ วันนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักกับเส้นทางชีวิตและมุมมองที่น่าสนใจของเขาในบทสัมภาษณ์นี้ มาติดตามกันค่ะ
แนะนำตัว
ว่าที่ ร.ต.ณัฐท์ศรันย์ ศิริกิจ ชื่อเล่น อั้ม รุ่น มฤคมาศ 7 จบสาขาสารสนเทศศาสตร์ คณะวิทยาการสารสนเทศ (เกียรตินิยมอันดับ 2) ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัว โดยเปิดบริษัท ดิจิทัล อาร์ท ริช โปรดักชั่น จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับด้านต่างๆ ดังนี้ ครับ
- ผลิตสื่อสื่อโฆษณา ผลิตรายการ สารคดี งานถ่ายทำ Production
- ผลิตสื่อ Digital ภาพนิ่ง วิดีโอ เพื่อส่งขายในรูปแบบ Photo stock (ขายภาพออนไลน์)
- บริการทำการตลาดออนไลน์ Facebook และ Youtube
- ผลิตสินค้า Digital Product สร้างรายได้ในรูปแบบ POD (Print on Demand)
- เจ้าของสินค้าแบรนด์ Sin La Pla (สินค้าที่ออกแบบจากศิลปะของปลาสวยงาม)
- วิทยากร / อาจารย์พิเศษ
*ธุรกิจในอนาคตคือคาเฟ่แกลลอรี่ โดยจะจัดตั้งเป็นแหล่งแสดงภาพถ่ายปลากัดของตัวเองและสินค้าจากปลากัด (แบรนด์ Sin La Pla) ซึ่งจะเป็นคาเฟ่ปลากัดที่เดียวในประเทศไทย
บรรยากาศ ประสบการณ์ดีๆ เมื่อครั้งเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
สมัยเรียนปริญญาตรี สาขาสารสนเทศศาสตร์ คณะวิทยาการสารสนเทศ มมส น่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุด เพราะผมถือว่ามันเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมที่ไม่คิดคิดว่าจะได้เรียนต่อระดับปริญญาตรี หลังจบ ม.6 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร บ้านเกิด อาจเพราะด้วยฐานะทางครอบครัว รูปแบบวิถีชีวิตของสังคมบ้านเกิดและอะไรหลายๆอย่าง แต่ก็โชคดีที่ได้มีโอกาสได้เข้ามาเรียนต่อ จากพื้นฐานชีวิตที่ได้รับโอกาส ระหว่างเรียนที่ มมส. ก็คิดมาเสมอว่าอยากเป็นครูตามถิ่นทุระกันดาร อยากเอาความรู้ที่พอมีไปแบ่งปันคนอื่นที่เขาไม่ค่อยมีโอกาสบนพื้นที่ห่างไกล แต่ตัวเองก็ได้มาเรียนสาขาที่ไม่ใช่ “สายครู” ดังเพื่อนๆที่เรียนคณะศึกษาศาสตร์ เลยคิดว่าเรียนให้ดีในสาขานี้ไปก่อน จบไปแล้วพอมีโอกาสค่อยไปเรียนต่อในคณะที่จะสามารถกลับมาเป็นครูได้
ชีวิต 4 ปี ในรั้วมหาวิทยาลัย ชอบที่สุดคือการทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยและการออกค่ายต่างๆเพื่อสังคม โดยในช่วงปี 2-3 ได้เข้ามาทำงานเป็นอุปนายกสโมสรนิสิตคณะวิทยาการสารสนเทศ พอขึ้นปี 4 ก็ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานเป็นอุปนายกองค์การนิสิต การทำกิจกรรมมันเหมือนฝึกให้มีความรับผิดชอบต่อตัวเองเพิ่มขึ้นอีกด้าน คือทั้งเรียน ทั้งกิจกรรม ซึ่ง “คนเราต้องมีพื้นที่ให้ตัวเองและเอาตัวเองไปเป็นประโยชน์ต่อสังคมให้ได้” ผมสนุกกับการออกค่ายอาสาพัฒนา ค่ายครูอาสา ค่ายปลูกป่า และกิจกรรมอื่นๆ ในรูปแบบคล้ายๆกัน รู้สึกเหมือนได้ทำอะไรเพื่อสังคมในแบบที่อยากจะทำมากๆ โดยไม่ได้ทิ้งการเรียน จริงๆการทำกิจกรรมได้เจอคนมากๆมันสนุกนะ เพราะการทำกิจกรรมเราจะได้เจอคนที่เก่งๆแต่ละด้าน ตัวเราก็มีความเก่งบางด้านแหละ เราก็เอาด้านเก่งของเราไปแลกกับคนที่เก่งในด้านที่เราด้อย แบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้กัน จนทำให้ผมเรียนได้เกรดสูงกว่าที่ผมคิดไว้ ได้เกียรตินิยมอันดับ 2 โดยที่ตลอด 4 ปีของการเรียนไม่เคยบอกพ่อแม่เลยว่าแต่ละเทอมผลการเรียนเป็นไงบ้าง โดยให้ท่านรู้เพียงว่าเราทำอะไรบ้าง เป็นอยู่ยังไง ทำตัวเพื่อสังคมมากน้อยแค่ไหมเพราะท่านอยากรู้แค่นั้น พอวันเข้ารับพระราชทานปริญญาถึงได้บอกท่าน
ทักษะที่ได้รับระหว่างเรียนในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นำไปปรับใช้ได้อย่างไรบ้าง
จากรูปแบบชีวิตและมุมมองของการเป็นเด็กกิจกรรม(แบบกลางๆไม่ได้เคร่งมาก) ก็ทำให้รู้สึกชอบการแบ่งปัน ยิ่งทำให้อยากเป็นครูมากขึ้น ไปทำกิจกรรมที่ไหนก็ชอบที่จะเก็บข้อมูล เก็บภาพ เก็บวิดีโอในแบบที่พอเก็บได้มาทำสื่อ ซึ่งยุคนั้นอะไรๆก็ยังเป็นอนาล็อคอยู่ พอได้มาเรียนวิชาหนึ่งตอน ปี 4 ที่ได้จับกล้องวิดีโอ กล้องภาพนิ่ง ชีวิตก็เปลี่ยนไปอีกขั้น คือเริ่มหลงใหลกับการถ่ายภาพตั้งแต่ตอนนั้นมา พอเรียนจบก็ได้มีโอกาสมาทำงานที่ ศูนย์พัฒนาทรัพยากรการศึกษา (ARDC) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ซึ่งตอนนี้ก็รวมอยู่ในฝ่ายประชาสัมพันธ์) โดยการทำงานที่นี่ได้ฝึกการใช้งานกล้องถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอเยอะมากๆ ทำให้เกิดความชอบและหลงใหลด้านนี้เพิ่มขึ้น