หากย้อนเวลาช่วงการเติบโตจากรั้วเทาแดง (มศว) สู่ รั้วเหลืองเทา (มมส) จะเห็นภาพความงามของความผูกพันระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องที่มีสายสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมิตรภาพที่เกิดขึ้นภายใต้บรรยากาศอันอบอุ่นของสถาบันแห่งนี้..จวบจนปัจจุบันความสัมพันธ์ยังคงยาวนานต่อเนื่องมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นมากมาย ทั้งเหล่าศิษย์เก่าที่ยังคงสร้างเครือข่ายเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์อันดีร่วมกัน ตลอดมา..สาร MSU ONLINE ฉบับนี้ จึงถือโอกาสแนะนำผู้อ่านได้รู้จักกับ สุมาลี สุวรรณกร ในบทบาทรักษาการนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่จะได้มาพูดคุยและมาแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์เครือข่ายศิษย์เก่า ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตลอดจนข้อเสนอแนะเพื่อประโยชน์ในการพัฒนางานสมาคมศิษย์เก่า อยากให้ทุกท่านติดตามในบทสัมภาษณ์นี้ ตามเรามาค่ะ
แนะนำตัว
ชื่อสุมาลี สุวรรณกร เรียนจบจากเอกวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ วิทยาเขตมหาสารคาม ปีการศึกษา 2536
การทำงาน
เป็นอดีตบรรณาธิการศูนย์ข่าวเครือเนชั่นภาคอีสาน
ปัจจุบัน เป็นบรรณาธิการบริหาร ไทอีสาน PBS ในเครือ ไทยพีบีเอส
เป็นประธานเครือข่ายสื่อศิลปวัฒนธรรมชุมชนอีสาน แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส.
บอกเล่าประสบการณ์ มุมมองการใช้ชีวิตในฐานะศิษย์เก่า “จากรุ่นพี่..สู่รุ่นน้อง”
การเป็นศิษย์เก่า โชคดีที่หลังจากเรียนจบได้ทำงานอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย คือมาทำงานที่จังหวัดขอนแก่นเริ่มต้นกับการเป็นผู้สื่อข่าว ศูนย์ข่าวเครือเนชั่นภาคอีสาน ประจำอยู่ที่ศูนย์ภาคอีสานจังหวัดขอนแก่น ทำให้มีโอกาสแวะเวียนมาพบปะรุ่นน้องและอาจารย์อยู่อย่างสม่ำเสมอ บางครั้งก็เป็นวิทยากรค่ายวรรณกรรมสัญจร เป็นอาจารย์พิเศษสอนเรื่องการเขียนทั้งการเขียนข่าว การเขียนสารคดีและการเขียนเชิงสร้างสรร ค์รวมถึงกิจกรรมเสวนาวรรณกรรมและอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนั้นการทำงานยังได้มีโอกาสรับใช้มหาวิทยาลัย ในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์การทำงาน รวมไปถึงได้ช่วยเหลืองานของมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ทำงานจนถึงปัจจุบัน ทำให้เห็นพัฒนาการ การศึกษาของมหาวิทยาลัยและในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ทั้งด้านการเรียนการสอน ครูอาจารย์ใหม่ ๆ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ร่วมทำ ร่วมคิดอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้นโอกาสดีหลายครั้ง ที่ได้ไปร่วมกิจกรรมที่มหาวิทยาลัย ทำให้ได้รู้จักน้อง ๆทั้งที่ยังเรียนอยู่ และที่เรียนจบไปแล้ว เหมือนสายใยผูกพันที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องอย่างต่อเนื่อง ไปไหนก็ทำให้มีคนเข้ามาทักทายว่า “เราเป็นพี่ เราเป็นน้อง จบจากสถาบันเดียวกัน” ซึ่งทำให้ภาคภูมิใจและใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น และหลายครั้งที่ได้มีโอกาสรับรุ่นน้องเข้ามาฝึกงานในสถานที่ทำงาน ก็ยิ่งทำให้รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้นโดยเฉพาะน้อง ๆ นิสิตที่เรียนในสาขาภาษาไทยเพื่อการสื่อสารและเรียนในสาขานิเทศศาสตร์ ของคณะวิทยาการจัดการ ยิ่งทำให้เราได้ใกล้ชิดทั้งน้องและอาจารย์ในมหาวิทยาลัยค่ะ
อยากให้พูดถึงส่วนงานของสมาคมศิษย์เก่า มีการดำเนินงาน จากนี้ต่อไปอย่างไรบ้าง?
ในส่วนงานของ สมาคมศิษย์เก่าได้มีโอกาสมาร่วมดำเนินการทั้งในฐานะนายกสมาคมศิษย์เก่าคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และรักษาการนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นงานที่ภาคภูมิใจมาก เพราะเราได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในศิษย์เก่าที่ได้เข้ามาร่วมผลักดันกิจกรรมดี ๆ และพัฒนามหาวิทยาลัย ในนามของศิษย์เก่าที่จะช่วยเหลือทำให้มหาวิทยาลัยได้เติบโตโดยมีพลังของศิษย์เก่าเข้ามาหนุนเสริม สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือช่วงวิกฤตโควิด 19 ที่ผ่านมา ทำให้มีการรวมตัวกันของศิษย์เก่าที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านทางเพจ msu Outlet ที่ทำให้มีสิทธิ์เก่าเข้ามาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากและยังได้ต่อยอดในเรื่องการดำเนินการสื่อสารเชื่อมโยงศิษย์เก่าและศิษย์ใหม่เข้าด้วยกัน
สิ่งที่วางแผนเอาไว้นับจากนี้คือการจะทำอย่างไรที่จะทำให้ศิษย์เก่าที่จบไปแล้วได้มีโอกาสเข้ามาช่วยเหลือสถาบันการศึกษาแห่งนี้ รวมทั้งช่วยเหลือรุ่นน้องที่ขาดแคลนพร้อมกับดำเนินการกิจกรรมดี ๆ ที่จะนำไปสู่การขยายตัวและทำให้มหาวิทยาลัยเป็นที่รู้จักยิ่งยิ่งขึ้นไป และทำให้ศิษย์เก่าที่จบออกไปแล้วได้กลับมาพบปะคืนสู่เหย้าและเชื่อมความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้กำลังคุยกันว่าจะมีกิจกรรมคืนสู่เหย้ารุ่นพี่รุ่นน้องที่เป็นศิษย์เก่าเพื่อทำผ้าป่าตั้งเป็น “กองทุนพี่ช่วยน้อง” เพื่อช่วยเหลือน้องนิสิตหรือผู้ที่เดือดร้อนโดยเฉพาะขาดแคลนทุนการศึกษาให้เขามีโอกาสได้เรียนหนังสือและประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจเพราะมองว่าการเรียนคือการลงทุนที่นำไปสู่การสร้างชีวิตที่ดีขึ้นอยากให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาโดยมีรุ่นพี่มีส่วนร่วมในการผลักดันและช่วยเหลือตรงนี้
นอกจากนั้นยังอยากจะให้มีกิจกรรมสานสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องทุกปี อยากให้อาจารย์ที่เกษียณอายุราชการได้มีโอกาสให้ศิษย์เก่าที่เคยสั่งสอนมากราบไหว้เพื่อรำลึกถึงครูบาอาจารย์ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ศิษย์เก่าได้มาพบเจอกัน ได้ให้รุ่นน้องรู้จักรุ่นพี่ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และเมื่อไปเจอกันที่ไหนสายใยเทาแดงมาสู่เทาเหลืองก็ยังแน่นแฟ้น รักกันเสมอไปที่ไหนก็ไม่ต้องอายใครเพราะเรามี Connection มีพี่มีน้องมเต็มไปหมด
บทบาทของศิษย์เก่าต่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนามหาวิทยาลัย
จริง ๆ พลังของศิษย์เก่าของมาวิทยาลัยมหาสารคามมีเยอะมาก แต่การเชื่อมโยงในการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนายังมีไม่มากนัก อาจจะเป็นเรื่องของการประสานงานที่ผ่านมามีสมาคมศิษย์เก่าแต่การขึ้นทะเบียนเป็นศิษย์เก่าหรือการทำทะเบียนสมาชิกยังไม่ชัดเจนมากนักเนื่องจากติดปัญหาหลายอย่าง จึงอยากจะเป็นตัวเชื่อมในการเชื่อมรุ่นพี่มาสู่รุ่นน้องเพราะมองว่าพลังของรุ่นพี่จะสามารถร่วมเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนามหาวิทยาลัยรวมไปถึงศิษย์เก่าหลายคนที่ประสบความสำเร็จจากสถาบันการศึกษาของเราเป็นใหญ่เป็นโตและมีตำแหน่งหน้าที่การงานเยอะแยะมากมาย แต่ยังไม่มีโอกาสมาร่วมผลักดันส่งเสริมและเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนามหาวิทยาลัยได้ตั้งใจว่าจะทำให้สำเร็จเพื่อที่จะทำให้พลังของศิษย์เก่าได้มีโอกาสมาร่วมขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยในอนาคต
อยากให้เชิญชวนศิษย์เก่าร่วมส่งความคิดถึง และแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์เครือข่ายศิษย์เก่า ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตลอดจนข้อเสนอแนะเพื่อประโยชน์ในการพัฒนางานสมาคมศิษย์เก่า
ในโอกาสที่น้อง ๆ กำลังจะสำเร็จและรับพระราชทานปริญญาบัตรนี้ก็อยากจะเชิญชวนศิษย์เก่ามาร่วมส่งความคิดถึงร่วมแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์พี่กับน้องให้เชื่อมต่อถึงกัน เพราะอย่างไรพวกเราก็สำเร็จมาจากสถาบันการศึกษาที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองตักสิลามหานคร การศึกษาทำให้คนเท่าเทียม แต่คนจะเท่าเทียมกันได้ก็ต้องสามารถเข้าถึงการศึกษาเพราะฉะนั้นรุ่นพี่จะต้องช่วยกันทำให้ความหวังของน้อง ๆ ได้มีโอกาสสำเร็จการศึกษาได้ด้วยพลังของรุ่นพี่เช่นกัน
ความภาคภูมิใจในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ความภาคภูมิใจในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึงการศึกษา และไม่เคยหลงลืมความเป็นอีสานค่ะ
ร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในปีนี้ค่ะ
ขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตทุกท่านที่สำเร็จการศึกษาและเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในปีการศึกษานี้ ขอจงเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาบ้านเมือง และจงเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาสังคม บัณฑิต คือ ผู้มีปัญญา ผู้ทรงความรู้ จงเป็นดังคำนิยามนี้ ขอบคุณค่ะ.
อยากให้ฝากข้อคิดดีๆ จากพี่ถึงน้อง ๆ
สำหรับน้อง ๆ ก็อยากให้ภาคภูมิใจในสถาบันการศึกษาแห่งนี้ เพราะแม้เราจะเป็นมหาวิทยาลัยที่คนมองว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่จังหวัดเล็ก ๆ แต่สถาบันการศึกษาแห่งนี้ผลิตบัณฑิตและผลิตบุคลากรที่สำคัญ ทรงคุณค่าระดับประเทศ บางคนไปไกลถึงระดับสากลเพราะฉะนั้นจงภาคภูมิใจในสถาบันการศึกษาของเรา ไม่ต้องไปกลัวคำติฉินนินทา ไม่ต้องไปกลัวสายตาดูหมิ่นดูแคลนจากใคร เพราะพวกเราก็ศิษย์มีครูเหมือนกั นแต่สิ่งที่เราควรจะภาคภูมิใจมากยิ่งกว่าการสำเร็จเป็นบัณฑิตจากสถาบันการศึกษาแห่งนี้นั่นก็คือ ต้องถามตัวเองว่าคุณได้หันกลับมามองสถาบันการศึกษาแห่งนี้และได้มีส่วนช่วยเหลือและพัฒนาสถาบันการศึกษาแห่งนี้อย่างไรบ้าง อย่าเรียนจบแล้วหายไปเลย อยากจะให้กลับมาช่วยเหลือน้อง ๆ มาร่วมกันพัฒนามหาวิทยาลัยของเราด้วยค่ะ