“อะโวคาโด” ถึงแม้จะดูจากชื่อแล้วไม่ใช่ผลไม้เมืองไทย และอาจพบว่ามีราคาสูงกว่าผลไม้ไทยทั่วไปเล็กน้อย แต่หากดูที่สรรพคุณแล้วจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคุ้มค่าคุ้มราคาทุกบาททุกสตางค์จริงๆ เราจึงนำสารพัดประโยชน์ และทริคเล็กๆ น้อยๆ ในการทานอะโวคาโดจากรายการ Did You Know? มาฝากกันค่ะ ตามมาดูเลยค่ะ
อะโวคาโด มีลักษณะอย่างไร?
อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีผิวที่มีลักษณะขรุขระ เปลือกหนา มีสีเขียวเข้ม เมื่อสุกจัดจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงหรือดำ เนื้ออะโวคาโดจะมีลักษณะเป็นครีม อ่อนนุ่ม มีรสชาติคล้ายเนย
สารอาหารของอะโวคาโด
อะโวคาโดมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ เช่น
- วิตามินอี บำรุงผิวพรรณ ลดไขมันอุดตันในเส้นเลือด
- สารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชราภาพ ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
- โพแทสเซียม ลดความดันโลหิต
- โฟเลท ลดความดันโลหิต
- วิตามินเอ บำรุงสายตา
- วิตามินบี แก้อาการเหน็บชา
- วิตามินซี ป้องกันโรคหวัด บำรุงฟัน
- กรดไขมันดี ชนิดไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับน้ำมันมะกอก ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด และป้องกันโรคหัวใจได้
- สารแคโรทีนอยด์ต่างๆ ถึง 11 ชนิด โดยจะพบมากบริเวณเนื้อที่เป็นสีเขียวเข้มที่ติดกับใต้เปลือก
เป็นต้น
ปอกอะโวคาโดอย่างไร ให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากที่สุด?
1. ผ่าครึ่ง โดยใช้มีดกดตามแนวยาว จนมีดติดเมล็ด แล้วดันมีดออกไปรอบๆ
2. ใช้มือบิดอะโวคาโดให้เนื้อหลุดออกจากกัน
3. ใช้มีดสับบนเมล็ดเบาๆ ให้มีดติดเมล็ด แล้วบิดมีดให้เมล็ดหลุดติดมีดออกมา
4. ผ่าครึ่งเนื้ออะโวคาโดอีกครั้ง
5. ใช้มือดึงเปลือกอะโวคาโดออกมา แทนการใช้ช้อนขูด
เก็บอะโวคาโดอย่างไร ไม่ให้ดำ?
อะโวคาโดก็เหมือนผลไม้หลายๆ ชนิด ที่ถึงแม้จะเก็บไว้ในตู้เย็น ก็อาจทำให้สีของเนื้อเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาล เพราะเนื้อผลไม้จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่เกิดจากสารประกอบที่อยู่ในอะโวคาโดที่เรียกว่า ฟินอล เจอกับอากาศ กลายเป็นสารประกอบที่มีชื่อว่า ควิโนน เมื่อควิโนนจับตัวกันเป็นโพลีเมอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้น ก็จะเกิดเป็นเม็ดสีที่เรียกว่า เมลานิน นั่นเอง
วิธีเก็บอะโวคาโดไม่ให้เปลี่ยนเป็นสีคล้ำ ทำได้ดังนี้
1. บีบมะนาวลงไปเคลือบบนเนื้ออะโวคาโดให้ทั่ว
2. นำไปใส่กล่อง หรือถุงเก็บสุญญากาศ แล้วแช่ตู้เย็น
ข้อควรระวังในการทานอะโวคาโด
อย่าทานเกินวันละ 1 ลูก เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง
ภาพประกอบ : iStock,openrice.com