เส้นทางสัตวแพทย์: จากความฝันวัยเด็กสู่การทำงานเพื่อสุขภาพสัตว์

        ทุกความฝันมีจุดเริ่มต้น เช่นเดียวกับ "สัตวแพทย์หญิงพรเฉลิม เฉลิมชาติ" หรือ "ตัวต่อ" ศิษย์เก่าดีเด่นมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปี 2567 ด้านความสำเร็จในอาชีพ หน้าที่การงาน ความรักและผูกพันกับสัตว์ตั้งแต่วัยเด็กผลักดันให้เธอมุ่งมั่นสู่เส้นทางสัตวแพทย์ จนสอบเข้าและจบการศึกษาจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อนก้าวสู่เส้นทางข้าราชการในกรมปศุสัตว์ ดูแลสุขภาพสัตว์ระดับภูมิภาค สาร MSU ONLINE จะพาคุณไปรู้จักเธอให้มากขึ้น ผ่านเรื่องราวแรงบันดาลใจ ประสบการณ์การเรียน และเส้นทางอาชีพที่เธอภาคภูมิใจ พร้อมคำแนะนำสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวสู่เส้นทางในฝัน มาติดตามกันค่ะ!

        สัตวแพทย์หญิงพรเฉลิม เฉลิมชาติ ชื่อเล่น ตัวต่อ ค่ะ จบจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จบการศึกษา ปี พ.ศ. 2562

        ปัจจุบัน : รับราชการกรมปศุสัตว์ ตำแหน่ง นายสัตวแพทย์ปฎิบัติการ ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดบึงกาฬค่ะ

        การได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ด้านความสำเร็จในอาชีพ หน้าท่ี่การงาน จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นับเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของดิฉัน ความรักและความมุ่งมั่นที่ดิฉันมีต่อสัตว์มาตั้งแต่วัยเด็ก ได้นำพาฉันมาสู่เส้นทางสัตวแพทย์ และวันนี้ ฉันได้ทำงานที่ฉันรัก ดูแลสุขภาพสัตว์และช่วยเหลือเกษตรกรในภูมิภาค รางวัลนี้ไม่เพียงเป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จ แต่ยังเป็นกำลังใจให้ดิฉันมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองและทำประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง ขอบคุณคณาจารย์ที่มอบทั้งความรู้และแนวคิดในการทำงาน และขอบคุณทุกประสบการณ์ที่หล่อหลอมให้ฉันเป็นสัตวแพทย์ในวันนี้ค่ะ

        ดิฉันเคยขอให้คุณพ่อซื้อลูกเจี๊ยบมาจากตลาดนัด ตอนกำลังวิ่งไล่ไก่เข้าคอก ดิฉันเผลอไปเหยียบน้องเข้า แต่น้องไก่ก็ยังไม่ตายทันที ค่อยๆ ป่วยและตายใน 1 สัปดาห์ ตอนนั้นทั้งสงสารและเสียใจที่ไม่สามารถช่วยน้องไก่ได้ และทุกครั้งที่มีสัตว์เลี้ยงเข้ามาในบ้านมักจะป่วยและตายเร็วเสมอ สุดก็ท้ายเลยเลิกเลี้ยงสัตว์  นี่จึงเป็นเหตุผลที่ดิฉันอยากมาเรียนสัตวแพทย์เพื่อที่จะได้รู้สภาวะปกติและความผิดปกติของร่างกายสัตว์ สาเหตุ การรักษาและป้องกันโรคในสัตว์ รวมทั้งการวางแผนในการเลี้ยงสัตว์ที่ถูกต้อง ถูกวิธีค่ะ

        บรรยากาศในการเรียนก็สนุกดีค่ะ ด้วยความที่สมาชิกในชั้นค่อนข้างน้อย นิสิตในชั้นเรียนจะสนิทกันพิเศษและอาจารย์จะสามารถเข้าถึงนิสิตได้ทุกๆคน ที่สำคัญอาจารย์ที่คณะยังอายุน้อยและทุกท่านจะให้ความเป็นกันเองกับนิสิตทำให้บรรยากาศในชั้นเรียนจะให้ความรู้สึกเหมือนพี่สอนน้องมากกว่า เวลามีคำถามหรือปัญหาไม่ว่าเป็นเรื่องเรียนและเรื่องส่วนตัวทำให้นิสิตสามารถปรึกษาได้ตลอด จำได้ว่าสมัยเรียนกีฏวิทยา (Entomology) กับปรสิตวิทยา (Parasitology) เราจะมีกล้องจุลทรรศน์ประจำตัวคนละ 2 เครื่อง มีทั้งแบบ Compound Light Microscope และStereoscopic Microscope ในส่วนอุปกรณ์การเรียนและการฝึกปฏิบัติ ครบครันและทันสมัย นิสิตจึงสามารถใช้ได้ทั่วถึงค่ะ

        เส้นทางการเป็นข้าราชการกรมปศุสัตว์เริ่มต้นจากความตั้งใจตั้งแต่วันแรกที่จบการศึกษาค่ะ  ดิฉันมีเป้าหมายชัดเจนว่าอยากทำงานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในภูมิภาค โดยเฉพาะในจังหวัดบ้านเกิดของตนเอง อีกทั้งอาชีพราชการยังเป็นงานที่มั่นคง และสามารถจัดสรรเวลาได้อย่างเหมาะสม 

ดังนั้นในปัจจุบัน ดิฉันปฏิบัติงานภายในกรมปศุสัตว์ โดยมีบทบาทสำคัญในสองระดับหลัก ได้แก่

🔹 งานในสำนักงานปศุสัตว์อำเภอ—ดูแลการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปศุสัตว์ คุ้มครองและจัดสวัสดิภาพสัตว์ รวมถึงให้บริการด้านสุขภาพสัตว์ เช่น การวินิจฉัยโรค การรักษา การวางแผนป้องกันและควบคุมโรคระบาด ตลอดจนทำงานร่วมกับหน่วยงานในระดับพื้นที่

🔹 งานในสำนักงานปศุสัตว์จังหวัด—มุ่งเน้นการพัฒนาสุขภาพสัตว์ในระดับจังหวัด ทั้งด้านการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ การตรวจวินิจฉัยโรค การศัลยกรรม รวมถึงการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจวิเคราะห์และชันสูตรโรค

การทำงานในบทบาทนี้ไม่เพียงเติมเต็มความฝันในวัยเด็กของฉัน แต่ยังเปิดโอกาสให้ฉันได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตรกรรม ผ่านการดูแลสุขภาพสัตว์ให้มีคุณภาพและยั่งยืนค่ะ

        เมื่อครั้งยังเป็นนิสิตคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นอกจากองค์ความรู้ด้านสัตวแพทยศาสตร์แล้ว คณะยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะด้านการสร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมกับสังคม ซึ่งกลายเป็นทักษะสำคัญที่ได้นำมาใช้จริงในการทำงาน  โดยเฉพาะในบทบาทของข้าราชการระดับภูมิภาค ที่ต้องประสานงานกับบุคคลหลากหลาย ทั้งเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน หน่วยงานภายนอก และเกษตรกรในพื้นที่ ทักษะการสื่อสารที่ดีจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น และสามารถส่งต่อความรู้เพื่อพัฒนาสุขภาพสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

        การตั้งใจเรียนในห้องเรียนและทำสรุปเนื้อหารายวันเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะทำให้เราลดระยะเวลาในการทบทวนก่อนสอบได้มากขึ้นทำให้เราไม่เหนื่อยในการเรียนและเราจะได้นำเวลาอื่นไปใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ออกกำลังกาย ไปเที่ยว

การปล่อยวางจะทำให้เราสนุกกับการทำงานมากขึ้น เพราะไม่สามารถทำให้คนอื่นพอใจในตัวเราได้ทุกเรื่อง หรือเราเองก็ไม่สามารถเห็นด้วยกับความคิดคนอื่นทุกเรื่องเช่นกัน ดังนั้นพยายามอย่าใส่ใจกับสิ่งที่เราจะเป็นทุกข์ดีกว่าค่ะ 

        สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังเดินตามความฝัน จงเชื่อมั่นในตัวเอง อดทน และพยายามต่อไป เพราะทุกความสำเร็จเริ่มต้นจากก้าวแรกที่มั่นคงค่ะ