จากการทำงานเพื่อช่วยเหลือสังคมและเด็กเยาวชนที่ก้าวพลาด สู่รางวัลอันทรงเกียรติที่สะท้อนถึงคุณค่าของการให้ สาร MSU ONLINE จะพาไปทำความรู้จักกับเส้นทางชีวิตของ ว่าที่ร้อยตรีบัญชา สิงห์คำป้อง ศิษย์ดีเด่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปี 2567 ด้านความสำเร็จในอาชีพ หน้าที่การงาน ผู้ซึ่งทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจในการสร้างโอกาสให้แก่ผู้ด้อยโอกาส พร้อมแบ่งปันประสบการณ์การเรียนที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งหล่อหลอมแนวคิดและจิตวิญญาณในการทำงานเพื่อสังคมของเขา มาติดตามเรื่องราวของความมุ่งมั่น การเปลี่ยนแปลง และพลังของการให้ ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ผ่านบทสัมภาษณ์ มาติดตามกันค่ะ



แนะนำตัว 
         ว่าที่ร้อยตรีบัญชา สิงห์คำป้อง (Mr.Bancha Singkumpong) ชื่อเล่น หมู  จบการศึกษา วิทยาลัยการเมืองการปกครอง  สาขารัฐประศาสนศาสตร์ หลักสูตร รัฐประศาสนศาตรมหาบัณฑิต (นโยบายสาธารณะ) ปีที่สำเร็จการศึกษา 2555

ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น



ความสุขจากการให้ สู่รางวัลอันทรงเกียรติ :  รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปี 2567
        ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้  ซึ่งที่ผ่านมาผมก็มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสหลายกลุ่มโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่ก้าวพลาด แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับรางวัลใดๆ แต่ที่ทำเพราะผมเห็นว่าเป็นประโยชน์และมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำครับ เมื่อได้รับแจ้งว่าได้รับรางวัลนี้ ผมรู้สึกตื้นตันใจและภาคภูมิใจที่สุดที่มหาวิทยาลัยเห็นคุณค่าในงานที่ผมได้ทำครับ ผมขอขอบพระคุณมหาวิทยาลัยที่ได้ให้เกียรติยกย่องกระผมด้วยรางวัลอันมีคุณค่าและทรงเกียรตินี้แก่ผมครับ 



อยากให้เล่าถึงประสบการณ์ทำงาน /ผลงานที่ผ่านมา /ผลงานที่โดดเด่น/ความเชี่ยวชาญ  
        ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสทำงานด้านสังคมหลายบทบาทซึ่งแต่ละบทบาทก็ทำให้ผมได้เรียนรู้การทำงานเพื่อสังคมที่แตกต่างกันไป ซึ่งผมเคยได้ทำหน้าที่เป็นประธานชุมชนบทบาทก็จะเป็นการดูแลความเป็นคนในชุมชนเป็นหลักได้มีโอกาสได้ช่วยเหลือกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสในชุมชนที่รับผิดชอบ เป็นผู้ไกล่เกลี่ยศาลจังหวัดขอนแก่นและอุดรธานีในบทบาทของการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยทำให้มีโอกาสได้ช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาส กลุ่มที่ถูกเอาเปรียบจากการไม่รู้กฎหมายและได้ช่วยเหลือเพื่อให้เกิดความปรองดองลดความขัดแย้ง 



        ต่อมาผมได้มีโอกาสเป็นสมาชิกสภาเทศบาลนครขอนแก่น บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบก็จะกว้างออกไปแต่เป็นการได้เปิดโอกาสให้ได้ช่วยเหลือกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสและเป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นไปด้วย โดยเฉพาะการได้เป็นส่วนหนึ่งของในการขับเคลื่อนศูนย์สร้างโอกาสเด็กและเยาวชนนอกระบบเทศบาลนครขอนแก่น จนเทศบาลนครขอนแก่นได้รับรางวัลพระปกเกล้า ทำให้เด็กและเยาวชนนอกระบบที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้รับการพัฒนาศักยภาพและได้รับการดูแลช่วยเหลือที่เหมาะสม ลดปัญหาอาชญากรที่เกิดในพื้นที่เมืองขอนแก่น


        ซึ่งจากการทำงานนี้ทำให้มีแรงบรรดาลใจในการทำงานเพื่อสังคมด้านเด็กและเยาวชนมากขึ้น และจุดที่สำคัญที่สุดของผมคือการได้มาทำหน้าที่เป็นกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสำหรับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดขอนแก่นครับ  การทำงานกับเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ทำให้ผมได้รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดกับเด็กและเยาวชนคนหนึ่งก่อนที่เขาจะกระทำความผิดนั้นเกิดจากอะไรที่หล่อหลอมให้เขากระทำความผิด เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าคงเกิดจากนิสัยของตัวพวกเขาที่คงแก้ไขไม่ได้ แต่ภายหลังที่ผมได้มีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือดูแลเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิดเลย การที่เด็กคนหนึ่งจะกระทำความผิดเกิดจากปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะครอบครัว



        ดังนั้นการที่ผมจะช่วยเด็กคนหนึ่งให้สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองและกลับมายืนในสังคมได้ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป  หากเรามีความจริงใจกับเขาและตั้งใจที่จะช่วยเหลือเขาอย่างแท้จริง เมื่อความไว้วางใจเกิดขึ้นจะทำให้เราเข้าถึงปัญหาของพวกเขาการช่วยเหลือก็จะเกิดขึ้นได้และมีโอกาสสำเร็จสูง และเมื่อการช่วยเหลือประสบความสำเร็จความภาคภูมิใจก็เกิดขึ้นกับผม  เพราะหากผมสามารถช่วยเหลือและเปลี่ยนเด็กที่ก้าวพลาดได้ 1 คน ก็เท่ากับผมได้ช่วยเหลือ 1 ครอบครัว  1 สังคมและ1 ประเทศ ซึ่งเป็นการช่วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วในความรู้สึกของผมครับ



           จากการทำงานด้านการช่วยเหลือสังคมที่ผ่านมาทำให้ผมได้รับรางวัลกรรมการสงเคราะห์ดีเด่นระดับกรม จากกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกระทรวงยุติธรรมต่อเนื่องกันมา 5 ปีแล้วครับ ได้รับเข็มเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยุติธรรมธำรงจากกระทรวงยุติธรรม และในปีพ.ศ.2567 ได้รับรางวัลอาสาสมัครดีเด่นแห่งชาติ จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ครับ





บอกเล่าถึงบรรยากาศระหว่างเรียน รวมถึงประสบการณ์ดีๆ เมื่อครั้งเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามและ ทักษะที่ได้รับระหว่างเรียนในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม  นำไปปรับใช้ได้อย่างไรบ้าง
        ผมเกิดและเติบโตที่จังหวัดขอนแก่น แต่ด้วยคุณพ่อของผมเป็นชาวมหาสารคาม เมื่อคิดที่จะพัฒนาตนเองในระดับปริญญาโท จึงเลือกมาเรียนที่นี่ ไม่ผิดหวังเลยครับ ประกอบกับปณิธานของมหาวิทยาลัยที่ว่า “ผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน” ดึงดูดผมครับ เพราะผมทำงานกับชุมชนและสังคมมาโดยตลอด ผมชอบทำงานกับชุมชนและคนตัวเล็กตัวน้อยในสังคมเพราะผมเชื่อว่าการพัฒนาต้องประกอบสร้างจากทุกภาคส่วนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังครับ



        ผมทำงานก่อนมาเรียนครับ แต่ทำงานแบบลูกทุ่ง พอมาเรียนทำให้มีหลักการในการทำงานมากยิ่งขึ้น และขยายมุมมองให้กว้างขวางขึ้นทั้งในระดับปัจเจก ชุมชน ประเทศ และสังคมโลก รวมถึงงานของภาครัฐและภาคเอกชน  ที่วิทยาลัยการเมืองการปกครอง และสาขานโยบายสาธารณะ ที่ผมเรียนนั้น ให้ทั้งหลักการ องค์ความรู้ ทักษะและ Connections ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ ผมทำงานในฐานะสมาชิกสภาเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติและมีส่วนสำคัญในกระบวนการนโยบายสาธารณะ



        ก่อนมาเรียนผมเพียงเข้าใจว่างานของผมคือการรวบรวมและสะท้อนความต้องการของพี่น้องประชาชน และติดตามตรวจสอบฝ่ายบริหารให้เป็นไปตามเจตนารมย์ของพี่น้องประชาชน พอมาเรียนทำให้ผมทราบว่านี่คือกระบวนการนโยบายสาธารณะ และการจัดสรรผลประโยชน์สาธารณะที่จะต้องมีหลักการ และเทคนิควิธีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชน และความสมดุลย์ของอำนาจหรือการเมืองและการบริหารครับ 



        ในระหว่างการเรียน แม้จะเป็นการเรียนในระดับปริญญาโท แต่ที่วิทยาลัยการเมืองการปกครอง ฝึกให้เราเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ผ่านการยกตัวเอย่าง การทำกรณีศึกษา การทำสารนิพนธ์ แล้วได้แลกเปลี่ยนอาจารย์กับเพื่อนร่วมชั้นที่มาจากหลากหลายอาชีพ และความสนใจ ทำให้ผมได้ขยายมุมมองอย่างมาก และอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นนั้นมีความสำคัญมากกับผม เพราะงานภาคสาธารณะต้องอาศัยทักษะประสบการณ์ที่หลากหลายและการประสานงานกัน แม้จะผ่านมามากว่า 10 ปี ยังติดต่อกับอาจารย์และเพื่อนๆ อยู่ครับ ยังหารือและช่วยเหลืองานกันอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะงานสาธารณะไม่มีสูตรสำเร็จครับ แต่ต้องตอบสนองความสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็วและเหมาะสม Connections นี้ ช่วยผมในเชิงความคิดและการทำงานได้มากๆ เลยนะครับ



ความภาคภูมิใจในการเรียนที่คณะ /มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
      ผมไปไหนบอกใครว่าจบจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม  ทุกคนยินดีต้อนรับและมีน้ำใจไมตรีกับผมครับ  เครือข่ายศิษย์เก่าทั่วประเทศ ทุกภาคส่วน ไปไหนจึงเจอแต่พี่ๆ น้องๆ แล้วเพื่อนชาวมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่คอยช่วยเหลือกัน  และหากไม่ใช่เพื่อนของเรา แต่เขาเป็นเพื่อนของเพื่อนเขาก็ยังเอื้อเฝื้อ ผมก็พลอยได้รับอานิสงค์ไปด้วย :)  ผมคิดว่างานที่ยากของผมหลายๆ งาน ง่ายขึ้นเพราะความเป็นลูกเหลืองเทา ที่อาจารย์ เพื่อพ้องน้องพี่ คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันครับ  เราต่างทำตนเป็นประโยชน์กับแผ่นดิน ดังปณิธานของมหาวิทยาลัยที่ปลูกฝังและพวกเรายึดถือกันตลอดมาครับ



ข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิต 
     ผมเป็นคนง่ายๆ จึงไม่มียึดถือข้อคิดนัก คิดแต่เพียงว่าทำตัวเองให้มีความสุขและเป็นประโยชน์ในปัจจุบันผลจะดีในอนาคต ทั้งนี้ปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของชีวิตนะครับ

ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จ  อยากให้ฝากถึงน้องที่ๆ กำลังเรียน 
        ผมเชื่อว่าทุกท่านมีวิถีของตนเอง ขอให้ทุกท่านเลือกในสิ่งที่ใช่ ใช่สำหรับตนเอง ใช่สำหรับครัวครัว ใช่สำหรับสังคมชุมชน และขอให้ท่านมีความสุขกับทุกจังหวะก้าวของชีวิตนะครับ



เชิญชวนน้องๆ มาเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
        ผมเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างของคนที่เรียนมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผมเชื่อว่ามีศิษย์เก่าที่เป็นแบบอย่างและทรงคุณค่าน่าภูมิใจมากมายหลายคนครับ ผมเองเป็นเพียงผู้เรียนในศาสตร์แขนงหนึ่งเท่านั้น  และเชื่ออย่างยิ่งว่ามหาวิทยาลัยเป็นแหล่งสรรพวิชาในการเรียนรู้ตลอดชีวิต และจะให้ประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลายแก่ทุกท่าน ทั้งวิชาการและวิชาคน และหากน้องๆมาเรียนที่นี่ น้องๆจะรู้ว่ามหาวิทยาลัยมหาสารคามให้อะไรมากกว่าที่เราคิอไว้ครับ

Author

ผู้เรียบเรียง : จุฑามาศ ภิญโญศรี
Email : jutamas.p@msu.ac.th
หมายเลขติดต่อภายใน : 0942915414

ภาพประกอบบทความ

  :   ถ่ายภาพ MSU TV : กราฟิก : ปิยะฉัตร ธนภัทรธุวานันท์

Related Posts