เมื่อพูดถึงความสำเร็จในชีวิต หลายคนอาจมองว่าเกิดจากความมุ่งมั่น ความพยายาม และการได้รับโอกาสที่ดี เช่นเดียวกับ นายยุทธนา พรหมอุ่น (ณัฐธิว / Banner) ศิษย์เก่าคณะสาธารณสุขศาสตร์ สาขาโภชนาการและการจัดการความปลอดภัยในอาหาร มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้ที่ได้รับรางวัล ศิษย์เก่าดีเด่นด้านความสำเร็จในอาชีพ ประจำปี 2567 จากวันที่เริ่มต้นชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยจนถึงวันที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลสตึก และบทบาทสำคัญในวงการนักกำหนดอาหารระดับประเทศ ทุกก้าวย่างในชีวิตของเขาล้วนสะท้อนถึงความตั้งใจ การใช้โอกาสที่ได้รับอย่างคุ้มค่า และการเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนและกิจกรรมที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นผู้นำในสายอาชีพ
สาร MSU ONLINE จะพาทุกคนไปพูดคุยกับเขา ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยที่สร้างแรงบันดาลใจ ทักษะที่นำไปต่อยอดในชีวิตการทำงาน ความภาคภูมิใจในสายอาชีพ และข้อคิดดีๆ ที่เขาอยากส่งต่อให้กับนิสิตรุ่นปัจจุบัน มาติดตามได้จากบทสัมภาษณ์นี้ค่ะ
แนะนำตัว
นายยุทธนา พรหมอุ่น (Mr.Yoottana Prommaun) ชื่อเล่น ณัฐธิว / Banner จบการศึกษา จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ สาขาโภชนาการและการจัดการความปลอดภัยมนอาหาร หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต ปีที่สำเร็จการศึกษา 2557 ครับ
ปัจจุบันทำงาน นักโภชนาการ หรือ นักกำหนดอาหารวิชาชีพ หัวหน้ากลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลสตึก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ และ กรรมการสมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประทศไทย และกรรมการวิชาชีพการประกอบโรคศิลปะ สาขาการกำหนดอาหาร ครับ
ช่องทางการติดต่อ Facebook : Banner Promma-un หรือ ID Line : banner0020looy
บอกเล่าความรู้สึกที่ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ผมรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติมากที่ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ด้านความสำเร็จในอาชีพหน้าที่การงาน เพราะมันแสดงถึงความสำเร็จที่เกิดมาจากสถาบันแห่งนี้อย่างแท้จริง สถาบันที่บ่มเพาะในทุก ๆ ทักษะให้กับผม และผมสามารถนำมาประกอบสัมมาอาชีพให้ประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน ผมจึงอยากขอบคุณ มหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ให้เกียรติมอบรางวัลศิษย์ดีเด่น ประจำปี 2567 ให้กับผมครับ
อยากให้เล่าถึงประสบการณ์ทำงาน
ในชีวิตการทำงานจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จได้ คือ การได้รับโอกาส ครับ เมื่อเรามาทำงานในสายอาชีพ งานอะไรก็ตามที่ผมได้มอบหมาย ผมมองว่าคือโอกาสที่ผู้มอบหมายเห็นคุณค่าของผม เพราะฉะนั้น สิ่งที่มีค่าที่สุด สำหรับผม คือ โอกาส ครับ ที่ทำให้ผมมีผลงานโดดเด่นได้ มีความเชียวชาญได้ สามารถพัฒนาตนเองได้เรื่อย ๆ จากประสบการณ์ที่เคยได้รับมอบหมายให้ทำงาน ผมไม่เคยมองลบว่าเป็นการโดนสั่งงานให้ทำ หรือการโยนงาน ผมจะภูมิใจ และดีใจมากที่ได้ทำงาน และสร้าง Passion ว่านี่คือโอกาสในการทำงานนั้นๆ ให้สำเร็จ เพื่อตัวเรา เพื่อนมนุษย์ และสังคม
ทำให้ทุกคนเห็นความสามารถของผม และทำให้รู้จักผมมากขึ้นอย่างแพร่หลาย ในฐานะนักโภชนาการ หรือนักกำหนดาอาหารวิชาชีพ สังกัดโรงพยาบาลสตึก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นี่คือสิ่งที่มีค่าที่ได้จากการเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม จนผมเป็นที่ยอมรับจากสังคม ประสบความสำเร็จในสายวิชาชีพนักกำหนดาอาหาร และได้รับการคัดเลือกเป็นคณะกรรมการสมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการวิชาชีพการประกอบโรคศิลปะ สาขาการกำหนดอาหาร
"จากห้องเรียนสู่เวทีชีวิต: บทเรียนและแรงบันดาลใจจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม"
สมัยเป็นนิสิต ต้องยอมรับว่าผมเป็นเด็กเรียน และเป็นเด็กกิจกรรม ควบคู่กันครับ คือ ตั้งใจเรียน จนได้เกียรตินิยม และไม่ทิ้งกิจกรรม จนได้วิธีการใช้ชีวิตอย่างมีเหตุมีผลครับ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ เวลาเราได้เรียนทำให้ผมได้รู้ทฤษฎีแนวทางปฏิบัติในเฉพาะรายวิชานั้น ๆ ครับ ส่วนกิจกรรมที่ผมทำนั้นทำให้ผมเรียนรู้การใช้ชีวิตครับ ยกตัวอย่างกิจกรรมของทางมหาวิทยาลัยที่ผมชอบเลย ในยุคสมัยผมนะครับ คือ กิจกรรมร้องเพลง โดยผมได้เป็น Staff ของคณะ และมหาวิทยาลัย ซึ่ง ณ ตอนนั้นผมได้รับหน้าที่ เป็นพี่ปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องยากมากเพราะต้องรักษาบุคลิก ภาพลักษณ์ให้ดูน่าเชื่อถือ ความเป็นผู้นำ และต้องสื่อสารให้น้อง ๆ ที่เข้ากิจกรรมร้องเพลง ให้เกิดความรักและรู้จักเพื่อนมากขึ้น ให้เกิดความรักและเคารพสถาบัน ครับ
ซึ่งตรงนี้เองครับที่เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากห้องเรียน คือ การฝึกความอดทน ไม่ให้ยิ้ม ไม่ให้หัวเราะต่อหน้าน้อง ๆ หรือไม่แสดงความอ่อนแอ และความไม่น่าเชื่อถือต่อหน้าน้อง ๆ ครับ จากกิจกรรมนี้ทำให้ผมได้รู้จักน้อง ๆ เพื่อน ๆ ต่างคณะ เกิดความผูกพันธ์ ความรักและเคารพสถาบันมากขึ้น ฝึกให้ผมใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผล ครับ และนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมมากที่สุด เวลาที่ผมรู้สึกท้อ เหนื่อย จากการเรียน หรือกิจกรรม ผมจะหา Inspiration เพื่อ Empower ให้ตัวเองและมองบวกให้มากที่สุดครับ
"ทักษะจากรั้ว มมส.: กุญแจสู่ความสำเร็จในโลกการทำงาน"
สำหรับทักษะที่ได้ระหว่างเรียนในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีเกือบทุกทักษะครับ ทั้ง ทักษะการสื่อสาร การเข้าสังคม ภาวะผู้นำ การทำงานร่วมกับผู้อื่น การรับฟังผู้อื่น ความเห็นนอกเห็นใจ การคิดวิเคราะห์ ความอดทน ความรับผิดชอบ การนึกถึงส่วนประโยชน์ส่วนรวม หรือนึกถึงคนอื่นมาก่อนตนเอง การควบคุมสติอารมณ์ เป็นต้นครับ
ซึ่งผมนำทักษะเหล่านี้มาปรับใช้ในการทำงานแทบจะทุกทักษะครับ โดยเฉพาะการเป็นผู้นำ เพราะในตำแหน่งที่ผมทำหน้าที่อยู่นี้ คือ ตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงาน ดั้งนั้นต้องมีภาวะผู้นำ กระบวนการทำงานของผมจึงเป็นการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วย Team Work ที่ต้องอาศัยทักษะต่างๆ ที่กล่าวข้างต้นมาปรับใช้ในการทำงาน เพื่อครองตน ครองคน ครองงาน และปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม จึงทำให้ผมสามารถทำงานประสบความสำเร็จ และบรรลุผลที่ตั้งไว้ได้ครับ
ความภาคภูมิใจในการเรียนมหาวิทยาลัยมหาสารคาม: จุดเริ่มต้นแห่งโอกาสและความสำเร็จ
สำหรับผมมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นสถาบันแห่งโอกาส โอกาสที่ให้ผมได้มาเรียนรู้ มาใช้ชีวิต จากห้องเรียน คณะอาจารย์ สิ่งแวดล้อม และกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ก่อให้เกิดกระบวนการคิดในการเรียน การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยจนสำเร็จผล และเมื่อจบการศึกษาสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตการทำงาน ทำให้ประสบความสำเร็จในสายอาชีพได้
ข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิต
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และมีเหตุมีผลครับ เพราะฉะนั้น ในการดำเนินชีวิตควรนึกถึงประโยชน์ส่วนรวม ใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผล ไม่เอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง ครับ
ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จ อยากให้ฝากถึงน้องที่ๆ กำลังเรียน
สิ่งที่อยากบอกถึงนิสิตปัจจุบัน อยากให้น้อง ๆ ตั้งใจเรียน และไม่ทิ้งกิจกรรม ของคณะ/มหาวิทยาลัยครับ เพราะทุกอย่างต้องควบคู่กัน อย่างที่บอกครับการเรียนทำให้ให้เรารู้ทฤษฎีแนวทางปฏิบัติ ส่วนกิจกรรมฝึกให้เรามีสังคม ใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผล ครับ และให้นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมให้มากที่สุด หากเรารู้สึกท้อ เหนื่อย จากการเรียน หรือกิจกรรม ให้เราหา Inspiration ให้เจอ หาเป้าหมาย เพื่อ Empower ให้ตัวเองและมองบวกให้มากที่สุดครับ ขอบคุณครับ
เชิญชวนน้องๆ มาเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
สุดท้ายอยากจะเชิญชวนน้อง ๆ ที่มองหาสถาบันแห่งโอกาส ที่บ่มเพาะนิสิตให้ประสบความสำเร็จในสายอาชีพที่เราเลือกเรียนครับ ผมรับรองเลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน เมื่อเลือกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่มีคณะ และสาขามากมาย จึงอยากให้น้อง ๆ เลือกมาเรียนที่นี่ครับ ที่สำคัญเป็นสถาบันที่อบอุ่น มากครับ มาเป็นเลือดเหลืองเทา เป็นลูกพระธาตุนาดูนด้วยกันครับ
