นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ เกิดเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ที่จังหวัดมุกดาหาร สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปริญญาโทสาขา Economics จาก Middle Tennessee State University จากสหรัฐอเมริกา

   นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ รับราชการครั้งแรกที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งในระหว่างที่ปฏิบัติราชการอยู่ที่ สศช. ได้มีส่วนในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ และฉบับที่ ๖ ด้านโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจ อาทิ การคมนาคมขนส่ง การสื่อสาร และพลังงาน เป็นต้น และการวางแผนเตรียมพร้อมด้านเศรษฐกิจเพื่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน ต่อมาทำงานที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ตั้งแต่เป็นสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงานเลขานุการ กปร.) สังกัด สศช. จนกระทั่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (เลขาธิการ กปร.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ – ปัจจุบัน

   ตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติงานที่สำนักงาน กปร. ได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ โดยการทำหน้าที่ประสานการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนองพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกภูมิภาคของประเทศ และกราบบังคมทูลรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งปัจจุบัน มีโครงการอยู่ในความรับผิดชอบมากกว่า ๔,๐๐๐ โครงการ อาทิ โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ,โครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรีและสระบุรี, โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช, โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำก่ำ จังหวัดนครพนม เป็นต้น นอกจากนี้ ได้มีการขยายผลสำเร็จของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสู่ประชาชน เพื่อนำไปปรับใช้เพื่อประโยชน์สุขที่ยั่งยืนในลักษณะการมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น ตลอดจนกำกับดูแลการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้านต่างๆ ตามที่ราษฎรทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานพระมหากรุณาเพื่อพิจารณาจัดทำข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข และจัดทำโครงการตามที่มี พระบรมราชวินิจฉัย/พระราชวินิจฉัยในการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎร

   ผลงานที่สำคัญ ได้แก่ การจัดประกวดผลงานการบริหารจัดการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ, การบริหารจัดการพื้นที่ป่าตามแนวพระราชดำริ, การประกวดผลงานตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่บุคคล กลุ่มบุคคล ชุมชน องค์กรต่างๆ ที่ได้น้อมนำ เอาแนวพระราชดำริไปประยุกต์ใช้ และเป็นตัวอย่างให้กับผู้ที่สนใจได้ศึกษาและปฏิบัติตามแนวพระราชดำริอย่างกว้างขวาง เพื่อเป็นการเผยแพร่พระราชกรณียกิจให้เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ

   ในฐานะเลขาธิการ กปร. ได้ผลักดันนโยบายสำคัญ ได้แก่ การจัดทำฐานข้อมูลโครงการอัน เนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ จนถึงปัจจุบัน ให้เกิดความถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการสร้างองค์ความรู้พื้นฐานที่ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึง รวมทั้งจะเป็นส่วนในการพิจารณาสร้างองค์ความรู้และแนวทางการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริต่อไปในอนาคต ตลอดจนการวางระบบประมวลผลข้อมูลองค์ความรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริโดยเฉพาะด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ บันทึกไว้ในระบบฐานข้อมูล (Database) และระบบภูมิสารสนเทศ (GIS) เพื่อใช้ในการติดตามการใช้ประโยชน์ของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในอนาคตต่อไป นอกจากนี้ ยังได้เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับพระราชดำริ ให้กับส่วนราชการ สถานศึกษา ภาคเอกชน และองค์กรต่างๆ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ในงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและแนวพระราชดำริด้านต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดการน้อมนำแนวพระราชดำริไปสู่การปฏิบัติได้อย่างกว้างขวาง ถูกต้อง และเหมาะสม

   ด้วยความรู้ความสามารถและคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและประชาชนดังกล่าว สภามหาวิทยาลัยจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ประสาทปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน เพื่อเป็นเกียรติแก่มหาวิทยาลัยมหาสารคามสืบไป