อาจารย์ทนงศักดิ์  มูลศรี  เกิดวันที่  ๑๑  พฤศจิกายน  พ.ศ.๒๕๑๙  ที่อำเภอชุมแพ  จังหวัดขอนแก่น  สำเร็จการศึกษาครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต  สาขาวิชาศิวกรรมไฟฟ้า  จากสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน  สำเร็จการศึกษาปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต  สาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร  จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม  ปัจจุบันศึกษาต่อปรัชญาดุษฎีบัณฑิต  สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล  ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

   อาจารย์ทนงศักดิ์  มูลศรี  เริ่มรับราชการที่วิทยาลัยการอาชีพชุมแพ  เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง  ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  มีความชำนาญพิเศษด้านการออกแบบและประดิษฐ์เครื่องจักรกลทางการเกษตร  เครื่องทำความเย็นและปรับอากาศ  เคยได้รับรางวัลนักประดิษฐ์ระดับชาติถึงห้าครั้ง  ผลงานสิ่งประดิษฐ์เครื่องมือเกษตรกรรมที่สำคัญคือรถตัดอ้อย  เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน  โดยประดิษฐ์รถตัดอ้อยด้วยการพัฒนารถไถเดินตาม  ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่มีใช้ทั่วไปให้สามารถตัดอ้อยได้  โดยใช้ระบบไฮดรอลิกส์  ช่วยทำให้การปฏิบัติงานสะดวกรวดเร็ว  ลดแรงงาน  ลดค่าใช้จ่าย  ผลงานที่ริเริ่มใหม่คือ  การประดิษฐ์สร้างอิฐมวลประสานด้วยเปลือกหอยเชอรี่  ทรายและปูนซีเมนต์  ได้ผลผลิตเป็นอิฐตัวหนอนที่มีคุณสมบัติดีกว่า  คงทนกว่า  ต้นทุนถูกกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป  นอกจากนี้ยังเป็นการกำจัดเปลือกหอยเชอรี่ที่เป็นศัตรูข้าว  ผลงานวิจัยที่ภาคภูมิใจคือ  เครื่องเพิ่มออกซิเจนในน้ำแบบทุ่นลอย  ซึ่งน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ  ๘๐  พรรษา  ประดิษฐกรรมชิ้นนี้ได้รับรางวัลเทคโนโลยีรุ่นใหม่ประจำปี  พ.ศ.๒๕๔๙  และได้รับรางวัลนักประดิษฐ์ดีเด่นประจำปี  ๒๕๕๐

   อาจารย์ทนงศักดิ์  มูลศรี  ได้ขยายผลการประดิษฐ์เครื่องจักรกลการเกษตรไปสู่ราษฎรหลายกลุ่มหลายโครงการ  อาทิเช่น  โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีขบวนการผลิตข้าวเพื่อสุขภาพ  (ข้าวฮาง)

   โครงการอบรมการทำอิฐตัวหนอนจากเปลือกหอยแมลงภู่  โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีเรื่องรถตัดอ้อยแบบรถไถเดินตามสู่เกษตรกร  โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อบ่มเพราะนักประดิษฐ์รุ่นใหม่  พื้นที่รับบริการวิชาการมีมากกว่า  ๑๕  แห่งในจังหวัดมหาสารคามและจังหวัดร้อยเอ็ด  กลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับผลประโยชน์มีทั้งเกษตรกร  โรงงานผลิตน้ำตาลและประเทศชาติในการลดการนำเข้าเครื่องจักรกลจากต่างประเทศ  ด้วยวิสัยทัศน์ที่ตระหนักว่างานบริการวิชาการ  งานวิจัย  ต้องตอบสนองความต้องการชุมชน  การประกอบสร้างควรให้ชุมชนมีส่วนร่วมและเป็นผู้รับประโยชน์โดยตรงจากทรัพย์สินทางปัญญาควบคู่กับการเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์

   ด้วยคุณูปการดังกล่าว  มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  จึงมอบรางวัลเชิดชูเกียรติผู้ให้บริการวิชาการดีเด่น  ประจำปี  ๒๕๕๓  เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ตนเองและวงศ์ตระกูลสืบไป