อาจารย์ทม  เกตุวงศา  เกิดวันที่  ๓๐  พฤษภาคม  พ.ศ.๒๕๑๕  อายุ  ๓๘  ปี  เป็นบุตรนายวิฑุรย์  และนางทองปาน  เกตุวงศา  สำเร็จการศึกษาปริญญาการศึกษาบัณฑิต  (เกียรตินิยมอันดับ ๑) สาขาวิชาการประถมศึกษา  จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒมหาสารคาม  สำเร็จการศึกษามหาบัณฑิต  สาขาวิชาการศึกษาผู้ใหญ่  จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม  พ.ศ.๒๕๔๒  สำเร็จปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต  สาขาวิชาวัฒนธรรมศึกษา  จากมหาวิทยาลัยมหิดล

   อาจารย์ทม  เกตุวงศา  เริ่มรับราชการตำแหน่งอาจารย์ที่โรงเรียนบ้านโคกสะอาด  อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย  จังหวัดมหาสารคาม  พ.ศ.๒๕๔๕  ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช  มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  พ.ศ.๒๕๔๗  ดำรงตำแหน่งอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์  คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  มีความชำนาญพิเศษด้านการจัดการพิพิธภัณฑ์และการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น  โดยมีความเชื่อมั่นในพลังความรู้ด้านประวัติศาสตร์ชุมชน  ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น  ในฐานะทุนมนุษย์  ทุนสังคม  ทุนวัฒนธรรม  สามารถบ่มเพาะความเข้มแข็งแก่ประชาชนทุกวัยคือเยาวชน  พ่อแม่  ปู่ตาย่ายาย  ประวัติศาสตร์เป็นประดิษฐกรรมของชุมชนที่เป็นสายใยรักถักร้อย  ให้ตระหนักในคุณค่าและมูลค่าของแผ่นดิน  ผื่นป่า  ท้องน้ำที่ประกอบสร้างเป็นบ้านเป็นเมืองเป็นชาติ  อาจารย์ทม  เกตุวงศา  จึงทำงานร่วมกับเยาวชน  ปราชญ์ท้องถิ่น  พระสงฆ์  ครูอาจารย์  องค์กรการศึกษา  ในโครงการกระบวนการสร้างการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชุมชน  โครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น  โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทย  สังคมศึกษาและประชาธิปไตยครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา  ศาสนาและวัฒนธรรม  โครงการฟื้นฟูพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น  โครงการจัดการพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ชุมชน  โครงการอบรมอาสาสมัครนำเที่ยวด้านวัฒนธรรม  (มัคคุเทศก์น้อย)  โครงการที่อาจารย์ทม  เกตุวงศา  ภาคภูมิใจยิ่งคือโครงการเสริมสร้างสุขภาพแบบบูรณาการสู่จังหวัดมหาสารคาม  “ฮักแพง  เบิ่งแญงคนสารคาม”  เป้าหมายของโครงการนี้คือค้นหาวิธีการสร้างสรรค์ให้ชาวจังหวัดมหาสารคามมีสุขภาวะทั้งด้านร่างกาย  อารมณ์  สังคมและจิตวิญญาณ  การดำเนินการดังกล่าว  อาจารย์ทม  เกตุวงศา  ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย  สำนักงานคณะกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ  กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด  สำนักงานการศึกษาพื้นที่จังหวัด  โดยมีพื้นที่บริการวิชาการในเขตยโสธร  อุบลราชธานี  มหาสารคาม  นครราชสีมา  ร้อยเอ็ด  สกลนคร  ขอนแก่น  หนองบัวลำภู  กาฬสินธุ์  และมุกดาหาร

   ผลการดำเนินงานกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์คือ  นักเรียน  นิสิต  นักศึกษา  ครูอาจารย์  ครอบครัว  ชุมชนในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการจัดการความรู้ร่วมกับชุมชน  แนวโน้มของการทำงานขยายไปเขตภาคเหนือและภาคกลาง  รูปแบบการทำงานสามารถพัฒนาเป็นต้นแบบของการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชุมชนระดับชาติ

   ด้วยคุณูปการสร้างสรรค์ภูมิปัญญา  เพื่อพัฒนาประเทศด้วยรากฐานวัฒนธรรมชุมชน  มหาวิทยาลัยมหาสารคามจึงมอบรางวัลเชิดชูเกียรติผู้ให้บริการวิชาการดีเด่น  ประจำปี  ๒๕๕๓  เพื่อเป็นเกียรติแก่ตนเองและวงศ์ตระกูลสืบไป