หัวข้อข่าว : ผู้ได้รับพระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศาสนาและปรัชญา ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๔๙
ศาสตราจารย์พิเศษ เสถียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต เกิดเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๒ ที่จังหวัดมหาสารคาม ปัจจุบันอายุ ๖๖ ปี คุณวุฒิการศึกษาสอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยชน์ (ป.ธ.๙) ขณะเป็นสามเณรและเป็นสามเณรนาคหลวงรูปแรกในรัชกาลปัจจุบัน จากสำนักวัดทองนพคุณ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๖ รับราชการที่ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปกร โดยสอนในระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษา เชี่ยวชาญพิเศษด้านหลักศาสนา ประวัติศาสนา พุทธศาสนา ปรัชญา และจริยธรรม เป็นผู้ร่างหลักสูตรและเขียนตำราวิชาพระพุทธศาสนาหลายระดับ คือ มัธยมศึกษา พุทธศาสนาสูตรบัณฑิตและพุทธศาสนามหาบัณฑิต นอกจากนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ในราชบัณฑิตสถานตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นต้นมา มีส่วนร่วมสำคัญในการจัดทำพจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากลในส่วนพระพุทธศาสนา จัดนำหนังสือราชนิติ ธรรมนิติพจนานุกรม เป็นผู้ร่างหลักสูตรและเขียนตำราวิชาพระพุทธศาสนาหลายระดับ คือ มัธยมศึกษา พุทธศาสตร์บัณฑิตและพุทธศาสตร์มหาบัณฑิต นอกจากนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ในราชบัณฑิตสถานตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นต้นมา มีส่วนร่วมสำคัญในการจัดทำพจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากลในส่วนพระพุทธศาสนา จัดทำหนังสือราชนิติ - ธรรมนิติพจนานุกรมพระไตรปิฎก โลกนิติ - สุตวิทฒนนิติ (บาลี โรมัน ไทย อังกฤษ)
ศาสตราจารย์ เสถียรพงษ์ วรรณปก เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทำหน้าที่สอนบรรยายพิเศษ ปาฐกถาพิเศษได้แก่ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยสถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน สำนักงาน ก.พ. สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ วิทยาลัยกองทัพบกและวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ส่วนบทบาทการจัดการศึกษาเพื่อมวลชนได้เผยแพร่บทความทางวิชาการผ่านสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเขียนบทความทางภาษาและพุทธศาสนาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ แนวหน้า ข่างสด มติชน ผลงานปรากฏมากกว่า ๑,๐๐๐ เรื่อง และเขียนหนังสือมากกว่า ๗๐ เล่ม อาทิ พระสงฆ์ไทยในรอบ ๒๕ ปี อะไรคือบาลี นิทานปรัชญาเต่า สมันตปาสาทิกา อรรถกถาพระวินัยปิฏก (แปล) พุทธศาสนาทัศนะและวิจารณ์มัชฌิมาปฏิปทา
จากผลงานทางวิชาการที่สร้างความรู้ทางพุทธศาสนาทางปรัชญาและจริยธรรมแก่สังคมไทยอย่างกว้างขวาง สภามหาวิทยาลัยจึงสมควรประสาทปริญญาปรัชญาดุษฏีบัณฑิตกิตติมาศักดิ์ สาขาวิชาศาสนาและปรัชญาให้เป็นเกียรติแก่มหาวิทยาลัยมหาสารคามสืบไป วันที่ประกาศข่าว : 15 ส.ค. 2010 ที่มา : |