พลเอกสุพิทย์  วรอุทัย  เกิดวันที่  ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙  ที่จังหวัดนนทบุรี  อายุ ๗๓ ปี  สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเมื่อปี  พ.ศ. ๒๕๐๔  สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบกปี พ.ศ. ๒๕๑๒  สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรปี พ.ศ.๒๕๓๒

   ประวัติการทำงาน  พ.ศ. ๒๕๑๘  เป็นผู้บังคับกองบินทหารปืนใหญ่ที่ ๑๑ รักษาพระองค์  พ.ศ. ๒๕๒๐  เป็นผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๑ รักษาพระองค์ พ.ศ. ๒๕๒๙  เป็นเลขานุการกองบัญชาการทหารสูงสุด  พ.ศ. ๒๕๓๕  เป็นหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บัญชาการทหารสูงสุด  พ.ศ. ๒๕๓๖  เป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการกลางรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ  พ.ศ. ๒๕๓๗ เป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด

   ในขณะที่ดำรงตำแหน่งทางทหาร พลเอกสุพิทย์  วรอุทัย  ได้ร่วมเป็นคณะทำงานหน่วยงานพิเศษ คือ กองอำนวยการกลาง รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ  (กรป.กลาง)  ซึ่งทำหน้าที่ดำเนินงานพัฒนา ช่วยเหลือประชาชนในท้องถิ่น  เพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดารดีขึ้น  โดยได้มีการพัฒนาทุกๆ ด้านพร้อมกันไป ทั้งทางวัตถุและจิตใจ อันเป็นการช่วยเหลือประชาชนตามหลักการพัฒนาชุมชน   ซึ่งมีเป้าหมายที่จะ ช่วยเหลือเพื่อให้ประชาชน ช่วยตนเองได้ต่อไป  เช่น  แผนงานสร้างเส้นทางคมนาคม   แผนงานส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์   แผนงานพัฒนาแหล่งน้ำ แผนงานพัฒนาชุมชนและสาธารณูปการ   แผนงานการสาธารณสุข   แผนงานการศึกษา   ศาสนาและวัฒนธรรม   แผนงานการประชาสัมพันธ์และจิตวิทยา   และแผนงานสังคมสงเคราะห์และอื่นๆ   

   รวมทั้งมีประสบการณ์ทำงานสำคัญที่สร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติหลายด้าน  อาทิเช่น

   -  การเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๒๐ - ๒๕๒๒
   -  เป็นเลขานุการรองประธานวุฒิสภาคนที่ ๑  พ.ศ. ๒๕๓๐ - ๒๕๓๖
   -  เป็นนักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการทหารสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๓๐ - ๒๕๓๑
   -  เป็นราชองครักษ์พิเศษ  พ.ศ. ๒๕๓๒ - ปัจจุบัน

   นอกจากนี้ในด้านการศึกษา  ได้ดำรงตำแหน่งประธานโครงการจรวดวิทยาศาสตร์บินเทียม  สภาวิจัยแห่งชาติ  เป็นกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ  สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย  เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหาสารคามผู้ทรงคุณวุฒิ  พ.ศ. ๒๕๓๘ - ๒๕๕๒  และได้รับแต่งตั้งเป็นอุปนายกสภามหาวิทยาลัยโดยทำหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัยมหาสารคาม ระหว่างมีนาคม  ๒๕๕๑ –  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๒

   ด้วยความรู้ความสามารถและการอุทิศตนเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง  สภามหาวิทยาลัยมหาสารคาม  จึงจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ประสาทปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์  สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน  เพื่อเป็นเกียรติแก่มหาวิทยาลัยมหาสารคามสืบไป